Title : امرين رمل “รอมลุน อามรีน” สุดผืนทราย...ปลายขอบฟ้า
Note : สถานที่ และตัวละครบางตัวเป็นเพียงชื่อที่สมมติขึ้นมาเท่านั้น
อีกทั้งฟิคเรื่องนี้ยังเป็นแอคชั่นคอมเมดี้ที่มีความเท่ผสมความตลกไมใช่ฟิคอลังการแต่อย่างใด(ฮาาาาาาา)
หากกล่าวว่า “สิงโต” คือจ้าวแห่งพงไพรฉันท์ใด
“พญาเหยี่ยว”
ก็เป็นจ้าวแห่งทะเลทรายฉันท์นั้น
พายุทรายกำลังโหมกระหน่ำท่ามกลางความเวิ้งว้าง
เบื้องหน้ามองเห็นเพียงพายุฝุ่นสีน้ำตาลแดง
ความบ้าคลั่งของทะเลทรายเป็นสิ่งเดียวที่ไม่อาจยับยั้ง
คนที่อาศัยกลุ่มหินหลบพายุนั่นเริ่มรู้สึกตาพร่า
ลำคอแห้งผากเพราะเดินทางข้ามทะเลทรายมานานกว่าหกชั่วโมง ทั้งๆที่กะเวลาแล้วว่าจะไปถึงโอเอซิสข้างหน้าในอีกไม่ถึงชั่วโมงแต่กลับต้องมาติดอยู่ท่ามกลางพายุทรายที่ก่อตัวขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ร่างโปร่งหอบหายใจหนักภายใต้ผ้าฝ้ายผืนเก่าที่ใช้คลุมใบหน้ากันฝุ่นทรายเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ
มือข้างหนึ่งรั้งผ้าเอาไว้มั่นไม่ให้มันปลิวไปตามลมพายุ
ส่วนอีกมือพยายามกดลงไปบนปากแผลที่หน้าท้อง แต่ยิ่งออกแรงกดมากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะยิ่งทำให้เลือดซึมออกมามากเท่านั้น
การหายใจก็ทำได้ยากยิ่ง...หากหายใจลึกเกินไปจะรู้สึกเจ็บแผลจนต้องเผลอกัดฟัน
จึงทำได้เพียงหายใจสั้นๆถี่ๆเท่านั้น
ความหวังเดียวของเขาอยู่ที่โอเอซิสข้างหน้า...หากไปไม่ถึงที่นั่นก่อนพายุจะสงบล่ะก็...ไม่ซิ!
ถึงพายุจะสงบลงแล้วก็ยังพอมีเวลาอีกซักหน่อยให้ทันหนี
แต่ถ้าหากมีใครผ่านมาเจอเข้าเสียก่อนรับรองได้เลยว่าร่างเขาจะต้องนอนจมทะเลทรายอยู่ตรงนี้เป็นแน่
ง่วง...
ความรู้สึกนี้กำลังโจมตี...แต่จิตสำนักบอกให้เขาครองสติตัวเองให้อยู่...
“อยากนอนฉะมัด...”
...
..
.
.
.
.
‘แฮร์รี่’
...
..
.
‘แฮร์รี่...ตื่นเดี๋ยวนี้...’
...
..
.
‘แฮร์รี่!!!’
ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก
ในมโนสำนึกได้ยินเสียงเรียกจากที่ไกลๆจนต้องลืมตาตื่นขึ้นมา
เขาจำได้ว่ามันคือเสียงอันแสนคุ้นหูของพี่สาวที่ชอบมาปลุกเวลาเขานอนตื่นสาย...เมื่อหันมองรอบๆตัวพบว่าพายุเงียบสงบลงแล้ว
อาจจะหยุดมาได้ซักพักแล้วด้วยดูได้จากท้องฟ้าที่กลับมาสว่างจ้าอีกครั้งหลังถูกปกคลุมด้วยกลุ่มพายุทรายสีน้ำตาลทองมานานกว่าชั่วโมง
“บ้าฉิบ...” ชายหนุ่มสบถก่อนจะรีบลุกขึ้นจากที่ซ่อน
หยิบเอาผ้าฝ้ายมาปัดเศษทรายออกจากบาดแผลตามร่างกาย
ก่อนจะฉีกแบ่งมันเป็นชิ้นๆแล้วพยายามรัดปิดปากแผลเอาไว้
รอยกระสุนถากที่ขาและหัวไหล่ยังไม่เท่าไหร่
แต่กระสุนที่เจาะเข้าตรงช่องท้องมันยังฝังอยู่ข้างใน หากไม่รีบเอาออกเขาอาจจะต้องเสียเลือดจนตาย
ขณะที่กำลังก้าวเท้าเร็วๆเพื่อมุ่งหน้าไปยังโอเอซิสที่เห็นอยู่ปลายสายตา
เขากลับต้องเปลี่ยนเป็นเริ่มออกวิ่งเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์พร้อมเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง...เมื่อหันไปมองก็สายตาก็ปะทะเข้ากับรถจีปสำหรับขับในทะเลทราย
พร้อมกลุ่มคนบนนั้น
“เวรเอ๊ย!!” ชายหนุ่มกัดฟัน
ออกแรงวิ่งแต่ยิ่งวิ่งก็เหมือนยิ่งจมลงไปในกองทราย ดูทุลักทุเลจนนึกรำคาญ
เขาหยิบปืนพกออกมาจากข้างลำตัวบรรจุกระสุนที่เหลือไม่กี่นัดเข้าไปคำนวณจากระยะไกลทางนั้นมากันสี่คน
เหลือกระสุนอยู่หกนัด นั่นหมายถึงเขาพลาดได้เพียงสองครั้ง...ไม่ซิ! จะพลาดไม่ได้เลยต่างหาก...เพราะถ้าพลาด...
ก็เท่ากับชีวิต...
ปัง ปัง ปัง!!!
ทางนั้นเริ่มสาดกระสุนใส่ ร่างโปร่งกระโดดสไลด์ตัวไปตามสันทราย
ตอนกระโดดคำนวณเอาไว้ว่าจะต้องหยุดแถวๆเวิ้งด้านล่าง แต่เพราะหยุดไม่ทันเลยทำให้เขาสไลด์ลงไปต่ำกว่าจุดหมายเล็กน้อย
ดวงตาสีเขียวมองหาทางหนีทีไล่ เห็นโอเอซิสขนาดเล็กอยู่ทางตะวันออกเขาจึงรีบมุ่งหน้าไปทางนั้น
ฝ่ายที่อยู่บนรถเองก็ไม่ได้เลิกไล่ตาม เสียงเครื่องยนต์ดังใกล้เข้ามาทุกขณะ!
เสียงรัวปืนก็ไม่แพ้กัน รู้สึกว่ามีนัดหนึ่งผ่านหน้าไปจนได้ยินเสียงลมหวีดที่ข้างหูพร้อมกับความร้อนที่แผดเผาจนใบหูร้อนฉ่า
เจ้าของร่างโปร่งวิ่งต่ออย่างไม่คิดชีวิตถึงจะรู้สึกทุลักทุเลเพียงใดก็ตาม
“ไอ้พวกเวรตะไล...”
ชายหนุ่มสบถพร้อมพุ่งตัวเข้าไปที่แนวต้นปาล์มเมื่อมาถึงโอเอซิสที่ใกล้ที่สุด
เมื่อทะลุออกมาก็พบกับกระโจมสีขาวขนาดใหญ่ ชายหนุ่มย่องเบาเบากระชับปืนในมือแหวกสาบผ้าดิบที่ทั้งหนาและหนักออกจากกัน
ค่อยๆแทรกตัวเข้าไปด้านใน
“อ๊ะ!!” เจ้าของดวงตาสีมรกตเอี้ยวตัวหลบตามสัญชาตญาณเมื่อมีของมีคมที่พุ่งเข้าหาตัว
เขาปัดมีดสั้นเล่มนั้นหล่นพื้นก่อนจะหักข้อมือของร่างที่ตั้งใจจะแทงเขาด้วยมีด
หากแต่ทางนั้นกลับสะบัดมือเขาออกอย่างง่ายดายราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆเช่นการผูกเชือก
จากนั้นก็โดนกระชากข้อมืออย่างแรงก่อนจะโดนจับพลิกร่างแล้วล็อคคอเอาไว้ด้วยท่อนแขน
มืดอีกเล่มถูกหยิบมาจ่อเข้าที่คอหอยจนต้องยอมหยุดนิ่ง
“ถ้าขยับ...หลอดลมขาดแน่ๆ” เจ้าของเสียงเอ่ยที่หลังใบหู
ทำให้มือที่กำลังจะเหนี่ยวไกหยุดชะงัก
ถึงจะรู้ดีว่ายังไงปืนก็ไวกว่ามืด...แต่ดูจากทักษะของอีกฝ่ายแล้วเขาไม่คิดเสี่ยง
“คุณเป็นใคร...”
“ผมต่างหากที่ต้องถาม...บุกเข้ามาในนี้โดยพละการ คิดว่าถ้าคนเจอไม่ใช่ผม
คุณจะได้มายืนอวดดีอยู่ตรงนี้ไหม” เสียงนั้นว่าเรียบๆด้วยภาษาอังกฤษคล่องปร๋อจนคนฟังยังนึกประหลาดใจ
หากแต่คมมีดกลับกดลงในเนื้อเบาเบาจนรู้สึกเจ็บแปลบ ซึ่งนั่นเรียกสติเขากลับมาจดจ่ออยู่กับคนข้างหลังแทน
“จะปล่อยได้หรือยัง...”
“ถอดแม็กกาซีนออกแล้วโยนไปทางซ้าย...ส่วนกระบอกโยนไปทางขวา...”
“หึ!”
“เร็วเข้า...” ร่างโปร่งทำตามที่อีกคนสั่ง ไม่ได้คิดจะเล่นตามเกมตลอดไปหรอกนะ...แต่ตอนนี้หาวิธีหนีจากไอ้พวกข้างนอกให้ได้ก่อน
ส่วนคนในนี้ค่อยจัดการเอาทีหลังก็ได้
“กลัวรึไง...” ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีมรกตยั่วประสาทด้วยคำถามคลาสสิค
อีกฝ่ายทำเพียงแค่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งติดจะงัวเงียเพียงเท่านั้น
“มีอะไรที่ต้องกลัว...”
“หึหึ...” สิ้นเสียงหัวเราะ คนข้างหลังก็ออกแรงพลักเขาจนหน้าทิ่ม กดร่างเขาลงกับพื้นให้นอนราบอยู่บนพรมผืนใหญ่มือทั้งสองถูกจับไพล่หลังก่อนถูกมัดด้วยบางสิ่ง
อาจจะเป็นผ้าหรือไม่ก็เชือกป่านเพราะมันไม่ได้แข็งจนบาดเนื้อเหมือนเชือกทั่วๆไป
“คุณเป็นใคร” เสียงนุ่มทุ้มถามเมื่อปล่อยเขาเป็นอิสระแบบครึ่งๆกลางๆ
เพราะมือเขายังถูกมัดไพล่หลังเอาไว้และมันไม่สนุกเลยซักนิด...อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มตามแบบผู้คนท้องถิ่น
ดวงตาสีน้ำตาลทองฉายแววเจ้าเล่ห์ ทางนั้นแต่งกายด้วยโต๊ปยาวแบบที่เห็นกันได้ทั่วไปทางประเทศแถบอาหรับ
บนศีรษะมีผ้าคลุมสีขาวที่เรียกกันว่าคาฟีย่าห์
คาดทับด้วยเชือกอีกัลป์สำหรับรัดไม่ให้คาฟีย่าห์เลื่อนหลุด
“จะรู้ไปทำไม...”
“ผมอาจจะไม่ได้อยากรู้...แต่ไม่แน่พวกข้างนอกนั่นอาจจะอยากรู้...”
คนฟังลอยหน้าลอยตาไม่ยอมตอบคำถาม แต่ถึงอย่างนั้นคนถามก็ไม่ได้เก็บมาเป็นอารมณ์
เจ้าของใบหน้าคมเข้มไหวไหล่น้อยๆอย่างไม่ยี่หระเหมือนจะบอกว่า ‘ก็แล้วแต่ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร...’
“เพย์น...เลียม เพย์น...นักข่าวอิสระ...”
“อย่างนั้นเอง...แปลกดีที่นักข่าวรู้จักใช้ปืน...”
“บางครั้งต้องไปอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน...คงต้องมีอะไรป้องกันตัวไว้บ้าง...”
“ก็ดี...เพราะที่นี่เองก็เถื่อนหนักไม่แพ้กัน...” คนพูดว่าแค่นั้นก่อนทำท่าจะหมุนตัวออกไป
แต่ชายหนุ่มอีกคนเรียกเอาไว้เสียก่อน
“เฮ้!! เดี๋ยว!!
ผมบอกชื่อผมกับคุณแล้ว! แล้วคุณล่ะ!!”
“จาร์วาด...เซน จาร์วาด มาลิค...พ่อค้า...”
...
..
.
“ตลาดมืด.....หึ!”
……..
‘หนีเสือปะจระเข้’
นี่มันหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ!!
หนีจากพวกตามล่าตัวมาได้กลับมาถูกพ่อค้าตลาดมืดช่วยเอาไว้แทน!! ไม่มีอะไรจะซวยไปมากกว่านี้แล้ว!
ถ้าทำได้จะหนีไปเสียตั้งแต่คืนนี้...เห็นมีเสบียงให้พอขโมยได้บ้าง
อาวุธอีกนิดหน่อย น้ำดื่ม...คงพอไปได้ถึงเมืองข้างหน้า กะเวลาไม่เกินสองวัน...ถึงตอนนั้นก็ค่อยหาทางไปยังท่าเรืออีกที
ชายหนุ่มหาทางปลดพันธนาการที่มือของตนเองออก
แต่มันแน่นเกินไป...ต้องออกแรงจนเหนื่อย กว่าจะหลุดออกมาได้ก็กินแรงเขาไปเยอะอยู่เหมือนกัน
เจ้าของดวงตาสีมรกตมองสำรวจไปทั่วกระโจมเห็นมีกระเป๋าเป้เก่าๆวางอยู่อาจจะพอใช้การได้
เขาตรงไปหยิบรื้อกระเป๋านั้นอย่างถือวิสาสะ
เทของด้านในออกก่อนจะเลือกหยิบขนมปังแบบอบแห้งในตะกร้าหวาย กระบอกน้ำ และเอื้อมไปหยิบมืดสั้นของอีกคนที่เขาเป็นคนปัดลงพื้นก่อนหน้านี้เพราะเขาไม่มีเวลาหาปืนที่โยนทิ้งไป
“ช่างดีเหลือเกิน...ตอบแทนคนที่ช่วยตนด้วยการขโมยเสบียงแล้วจะหนีออกไป...” ยังไม่ทันจะได้ย่องออกจากกระโจมเสียงนั้นก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
ชายหนุ่มเดาะลิ้น วางกระเป๋าลงบนพื้นก่อนจะหันมาเผชิญหน้าอีกฝ่ายช้าๆ
“ขอบคุณ...” ชายหนุ่มยักไหล่ ตีสีหน้าเหมือนถามว่าต้องการออะไรอีก
อีกฝ่ายจึงหัวเราะเบาเบาในลำคอ
“แค่นั้นคงไม่พอหรอก...รู้ไหมกว่าจะไล่ไอ้พวกข้างนอกไปได้ต้องเหนื่อยแค่ไหน...อย่างน้อยๆมันก็ต้องมีของตอบแทนกันบ้าง...”
ชายหนุ่มในชุดโต๊ปทำหน้าเจ้าเล่ห์ ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาขนสัตว์ผายมือให้ชายหนุ่มจากซีกโลกตะวันตกนั่งตามที่โซฟาฝั่งตรงข้าม
แต่ทางนั้นดูเหมือนจะเป็นพวกหัวรั้นเกินพอดี
“แล้วคุณต้องการอะไร...ถ้าเป็นเงิน
เมื่อผมกลับไปถึงอังกฤษแล้วจะจัดการให้...”
“แล้วผมจะมีอะไรเป็นหลักประกันล่ะ...ว่าถ้าผมปล่อยคุณไปแล้วผมจะได้เงินตามที่คุณว่า...”
คนฟังเดาะลิ้น...เสตามองไปทางอื่นเมื่อเริ่มรู้สึกรำคาญสายตาของอีกฝ่าย
“ผมไม่ใช่คนที่ลืมบุญคุณคนง่ายขนาดนั้น...ถ้าคุณจะ ‘กรุณา’
ปล่อยผมไป...รับรองเงินจะถึงมือคุณ”
“ผมว่า...ผมมีข้อเสนอที่ดีกว่านั้น...”
“ข้อเสนออะไร” ชายหนุ่มเขม่นมองคนที่นั่งบนโซฟา
ฝ่ายนั้นดีสีหน้าเจ้าเล่ห์...เห็นแล้วอยากจะคว้าบาเร็ตต้าที่โยนทิ้งไปก่อนหน้านี้กลับมาแล้วอัดแม็กกาซีนเข้าไป...หกนัดที่เหลือจะยิงให้พรุนกันไปข้าง!!
“ฟังตอนนี้คงไม่เร้าใจหรอก...เอาเป็นว่าคุณไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว
ทำแผลให้เรียบร้อย...แล้วเราค่อยมานั่งคุยเรื่อง 'ข้อเสนอ'
ของผมกันดีกว่า...คุณเพย์น...ไม่ซิ....”
“...”
...
..
.
“คุณสไตล์...”
“!!!!!!!!!”
ร่างในชุดโต๊ปตลบผ้ากระโจมก่อนจะเดินออกไปทิ้งเขาเอาไว้ด้านในเพียงคนเดียว
ชายหนุ่มเม้มปากแน่น...นึกทบทวนว่าตนพลาดตรงไหน?
ทั้งๆที่ไม่เคยทิ้งร่องรอยอะไรไว้...ทำไมอีกคนถึงรู้จักตัวจริงของเขา!!
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอย่างเอาเป็นเอาตาย
สายตาของเขาก็ปราดไปพบเข้ากับแผ่นกระดาษที่ถูกวางส่งๆอยู่บนพื้นเขาจึงไปคว้าเอามาพลิกดู...
แผ่นกระดาษหนาสีน้ำตาลเข้มที่มีรอยเปื้อนเป็นวงกว้าง
บนนั้นพิมพ์ภาพเหมือนใบหน้าของเขาที่น่าจะวาดขึ้นโดยนักวาดที่มีฝีมือพอตัว
เพราะทุกรายละเอียดบนใบหน้าเหมือนเขาไม่มีผิดเพี้ยน ตัวอักษรภาษาอาหรับมากมายแต่เขาไม่เข้าใจนัก
เว้นเสียแต่ตัวอักษรแบบอังกฤษที่พิมพ์เป็นชื่อเขาเด่นหรา
ดูอย่างไรก็หนีไม่พ้นใบปลิวประกาศจับ...ถึงจะไม่สันทัดทางภาษาแต่รู้เลยว่าจำนวนตัวเลขแบบอาหรับบนแผ่นกระดาษที่เลขศูนย์เรียงกันเป็นแถวยาวเหยียดนี่มีมูลค่าไม่น้อยเลย...
ระหว่างกำลังนั่งมองกระดาษในมือกระโจมก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
พร้อมกับเด็กหนุ่มอายุราวๆสิบสี่สิบห้าปีในชุดโต๊ปสีขาวแบบเดียวกับคนที่เดินออกไป
เพียงแต่รายนี้ไม่ได้สวมคาฟีย่าห์เหมือนอีกคน
ในมือของเด็กผู้ชายผิวสีแทนใบหน้าคมเข้มตรงหน้าคือผ้าที่พับทบๆกัน
ดูแล้วคงเป็นอาภรณ์สำหรับเขาในคืนนี้
“ขอบใจ...” เขากล่าว ทางนั้นเหมือนจะตื่นเต้น...อาจจะไม่เคยเจอชาวต่างชาติ
ยิ่งเป็นพวกผิวขาวแบบเขาแล้วคงหายากหน่อย
เขาเดินตามเด็กหนุ่มที่พาเขาเดินอ้อมหลังกระโจมไปยังแหล่งน้ำเล็กๆ
น้ำใสจนเห็นพื้นทรายด้านล่าง...มีตาน้ำผุดอยู่ข้างใต้
ชายหนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตที่เคยเป็นสีขาวออก...บาดแผลที่ไหล่และต้นขายังไม่เท่าไหร่
แต่ที่หน้าท้องแผลเริ่มปริอีกครั้ง...ยังไงก็คงต้องผ่าเอากระสุนออก...ดูแล้วมันไม่ลึกเท่าไหร่เพราะตอนโดนยิงเขาหลบอยู่หลังร่างของชายฉกรรจ์ที่ตัวใหญ่กว่าเขาเกือบสองช่วงศีรษะ
อาศัยร่างนั้นช่วยกันกระสุนแต่ดูเหมือนจะไม่พอเมื่อมีบางนัดฝังเข้ามาในเนื้อเช่นนี้
“นี่...ขอยืมมีดแล้วก็ไฟแช็กหน่อยได้ไหม?” เขาหันไปหาเด็กหนุ่ม
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ค่อยเข้าใจ...ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างจนปัญญา
ลองวาดภาพลงบนพื้นทราย ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะวิ่งปร๋อกลับไปที่กระโจม
ชายหนุ่มร่างโปร่งลุกขึ้นถอดกางเกงออกจากตัว รวมทั้งชั้นในที่เต็มไปด้วยทราย...เขาก้าวช้าๆลงไปในแหล่งน้ำ
หยิบเอาเสื้อกล้ามมาชุบน้ำแล้วบิดหมาดๆ ขัดถูร่างกายเอาคราบสกปรกออก
วักน้ำล้างหน้าให้สดชื่น ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็กลับมาพร้อมของที่เขาขอ
“ช่วยจุดไฟที...จุดไฟ...” ชายหนุ่มทำท่าประกอบ เด็กหนุ่มพยักหน้ารัวเร็วก่อนจะจุดไฟให้ตามที่อีกคนขอ
ชายหนุ่มร่างโปร่งคว้าเอาเสื้อเชิ้ตมาฉีกออกเป็นชิ้นๆ ส่วนหนึ่งกัดเอาไว้ในปาก
เขายื่นปลายมืดสั้นลนไฟจนมันค่อยๆขึ้นสีส้มอ่อนๆจากการที่โลหะถูกความร้อน เมื่อได้ที่จึงจับปลายมีดกดลงที่ปากแผลแล้วกรีดเป็นทางยาวประมาณครึ่งนิ้ว
ก่อนจะค่อยๆเขี่ยหัวกระสุนออกมาอย่างระมัดระวัง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เลือดบางส่วนไหลออกจากปากแผลจนเขาต้องรีบเอาเศษเสื้อที่ฉีกเอาไว้มาซับออก
เขาพยักเพยิดให้เด็กหนุ่มจุดไฟอีกครั้งก่อนจะนำมืดสั้นไปลนไฟจนมันร้อนได้ที่จึงเอามาทาบลงบนปากแผลของตนเองเสียงดัง
‘ฉ่า’ เหมือนของร้อนโดนความเย็นกะทันหัน...ปากแผลสมานกันช้าๆแต่ถึงกระนั้นมันก็ยังต้องถูกจัดการอีกครั้งโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ตอนนี้ทำได้แค่พอประทังไปเท่านั้น
“เสร็จแล้วล่ะ...ขอบใจมาก...” เด็กหนุ่มยิ้มรับ
เก็บเศษซากของเหลือใช้ไปถือเอาไว้เงียบๆ ยืนมองคนที่กำลังอาบน้ำโดยไร้ซึ่งคำพูดใดใด
เรือนร่างที่เคยมอมแมมและเต็มไปด้วยฝุ่นทรายตอนนี้ขาวผ่องรับแสงสีส้มอุ่นของแดดยามเย็นที่ทอดผ่านแนวต้นปาล์มทอดเงาลงกับผืนน้ำ
ทุกจังหวะที่อีกฝ่ายขยับกายละอองน้ำจะสาดกระเซ็นกระทบแสงแดดจนเกิดประกายระยับ
เรือนผมยาวหยักศกสีเปลือกไม้เปียกลู่ถูกเสยไปด้านหลังช่วยเปิดใบหน้าขาวกระจ่างอ่อนเยาว์
ที่น่ามองที่สุดคงหนีไม่พ้นดวงตาสีมรกตภายใต้แพขนตาหนาที่มีหยดน้ำเกาะพราว...เด็กหนุ่มเผลอมองภาพนั้นอย่างลืมตัว...
เจ้าของร่างโปร่งหันมามองเด็กหนุ่มที่ยืนมองเขาตาค้าง ริมฝีปากสีสดเปียกชื้นเปิดยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะแกล้งสะบัดน้ำใส่จนอีกฝ่ายได้สติ
ชายหนุ่มขึ้นจากน้ำพร้อมรับเครื่องแต่งกายมาจากเด็กหนุ่ม ถามหาชุดชั้นในแต่ทางนั้นส่ายหัว
เมื่อถามกลับไปว่าเจ้าเด็กนั่นใส่หรือไม่ก็ได้รับคำตอบเป็นการส่ายศีรษะอีกเช่นกัน
“บ้าเอ๊ย...เดี๋ยวก็ได้เป็นไส้เลื่อนตายกันหมด!” ร่างโปร่งบ่นเบาเบา
สวมโต๊ปสีขาวเข้าทางหัวก่อนจะเดินตามเด็กหนุ่มกลับไปที่กระโจม...ด้านในมีเจ้าถิ่นนั่งรออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับแก้วทองเหลืองในมือ
คิดว่าคงจะเป็นรัมย์องุ่นแบบที่ชาวอาหรับชอบ
อาหารหลายอย่างถูกวางลงบนสิ่งที่เรียกว่าโต๊ะก็คงไม่เชิง มันเป็นหีบที่สานจากหวายเป็นตาถี่ๆ
แข็งแรงพอจะวางของได้แต่คงไม่แข็งแรงพอจะรองรับน้ำหนักตัวคน
“เอ้า...ทานเสียก่อน
แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องที่เราคุยค้างกันเอาไว้...”
“มีอะไรจะพูดก็รีบๆพูดมาเถอะ...ยึกยักน่ารำคาญ...”
“ใจร้อนจริง...ก็ได้! ในเมื่ออยากคุยนักจะได้ไม่ต้องอ้อมค้อม”
“ก็พูดมาซักทีเถอะน่า!!”
“พรุ่งนี้คุณต้องไปที่ลานประมูลในเมือง ถ้าเดินเท้าคงใช้เวลาซักสองวัน
แต่เราจะไปด้วยรถ...ออกเดินทางคืนนี้แล้วพรุ่งนี้ช่วงเที่ยงวันก็คงถึง...”
“จะให้ไปประมูลอะไร...”
เกิดมาไม่เคยประมูลอะไรกับใครหรอกนะ...ไม่มีอะไรที่อยากได้จนถึงขนาดต้องไปประมูลแย่งเอามา...เหอะ!...โจรชื่อกระฉ่อนในวงการโจรกรรมอย่างเขาจำเป็นจะต้องไปนั่งประมูลด้วยหรือไง? อ้อ!
เว้นไว้อย่าง...แผ่นเสียงรุ่นสะสมของวง เดอะ บีทเทิ้ล
ที่เคยประมูลมาจากเว็บบิดออนไลน์...
“ใครว่า...คุณจะต้องไปในฐานะ ‘ของ’ ที่ถูกประมูลต่างหาก...”
“จะบ้าหรือยังไง!! คุณไม่มีสิทธิ์จะขายผมทอดตลาด!!!”
“ก็แล้วแต่คุณนะ...หรือคุณอยากจะถูกส่งตัวกลับไปให้เจ้าพวกนั้นล่ะ?
ง่ายๆแค่นี้เอง...” ไอ้ทุเรศเอ๊ย!! ภารกิจก็ยังไม่จบ!!
ทางเลือกแต่ละทางก็ดูเหมือนจะมีแต่เอาชีวิตไปทิ้งทั้งนั้น!!
“แล้วถ้าผมไม่เลือกล่ะ...”
“ไม่ได้หรอกครับคุณนักข่าว....เอ...หรือผมควรจะเรียกคุณว่าคุณจอมโจรดีล่ะ?”
“แก....”
เมื่อเขาทำท่าจะเอาซ่อมในมือพุ่งไปปักคอหอยคนพูดให้รู้แล้วรู้รอดแต่ทางนั้นร้องห้ามขึ้นมาเสียก่อน
“โว้ว...เย็นไว้...แม่แมวเหมียว...ถึงผมจะเป็นคนชั่วยังไงก็ยังพอมีมนุษยธรรมหรอกน่า...”
“ไอ้การค้ามนุษย์ด้วยกันมันไม่เรียกว่าพวกมีมนุษยธรรมหรอก!!!”
“ใจเย็นก่อนครับ...ผมรับรองได้ว่าคุณจะไม่ได้ถูกขายไปเป็นแรงงานทาส...แต่คุณจะถูกขายเข้าวัง...ที่ตลาดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นท่านชีคทั้งนั้นที่มาเลือกซื้อ...ของหายากแบบคุณคงทำเงินให้ผมมากมายทีเดียว...”
“ไอ้ทุเรศ...”
“ขอบคุณสำหรับสมญานามครับ...ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะใส่มันลงไปตรงไหนของชื่อดี...งั้นเพื่อเป็นเกียรติแก่คุณผมจะใส่มันเอาไว้หน้าสุด...เป็น
‘ไอ้ทุเรศ เซน
จาร์วาด มาลิค’ แบบนี้ดีไหมครับ?” อีกคนหัวเราะยียวนจนชายหนุ่มร่างโปร่งอยากจะเอามีดกรีดปากให้ฉีกถึงรูหู!!
“แกมันไอ้ทุเรศ...”
“คร้าบๆ นั่นชื่อต้นของผมที่คุณเป็นคนตั้งเลยนะ....เอาเป็นว่ามาเข้าเรื่องกันอย่างจริงจังเสียทีเถอะ...”
ชายหนุ่มอยากจะตะโกนใส่หน้าอีกคนมากว่าที่ผ่านมานี่ยังไม่เข้าเรื่องใช่ไหม!!!
“มีอะไรก็รีบๆพูด...”
“ทีแบบนี้ล่ะใจร้อนเชียวนะครับ...เอาล่ะๆ
ผมพูดก็ได้...ไม่ต้องทำท่าทางน่ากลัวแบบนั้นก็ได้ครับ...”
“...” ดวงตาสีมรกตตวัดมองคนที่ทำท่าทางยียวน
ทางนั้นทำเพียงหัวเราะอย่างกวนประสาทก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ
“ในตลาดกลางการประมูลที่ดาห์แรม...จะมีคนของท่านชีคจากหัวเมืองต่างๆมาประมูลของกันมากมาย
หนึ่งในนั้นก็คือคนของท่านชีคจากเมืองอัล-ฟาบีย่าห์ด้วย....”
“....”
“ไงครับ?...ชักจะสนใจขึ้นมาแล้วล่ะซิ...”
ชายหนุ่มร่างโปร่งตีหน้านิ่ง...ทั้งๆที่ในใจลิงโลด... หลังจากหาทางแฝงตัวเข้าไปในอัล-ฟาบีย่าห์มานาน
พระเจ้าเพิ่งจะประทานโอกาสมาให้ก็ตอนนี้เอง...
“แล้วยังไง...”
“ผมไม่ขออะไรมากเลย...เพียงแต่ขอให้คุณเล่นตัวเสียหน่อย...”
“คืออะไร...ผมไม่เข้าใจ...”
“คุณคงรู้ใช่ไหม...ว่าบางเมืองผู้นำก็มีรสนิยมแปลกๆ...”
“ใช่...”
“ก็แค่คุณทำให้ตัวเองดูน่าสนใจ...ก็เท่านั้นเอง...”
“แล้วผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าจะได้ไปอยู่ในอัล-ฟาบีย่าห์...จะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่เอาเรื่องของผมไปโพนทะนา!!”
“เรื่องนั้นง่ายนิดเดียว...คุณแค่เล่นตามแผนของผมก็พอ...รับรองว่าคุณได้เข้าไปอยู่ในอัล-ฟาบีย่าห์สมใจแน่...ส่วนเรื่องของคุณ...ทำไมผมจะต้องพูด?
ผมได้เงิน...คุณได้เข้าอัล-ฟาบีย่าห์...วินวินทั้งคู่...ทีนี้ไม่ว่าคุณจะมีอะไรที่อยากได้จาก
‘ราชวังงาช้าง’ อันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของผมแล้ว...”
“...........แล้วผมต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง”
“ไม่...คุณไม่ต้องเตรียมอะไรเลย...ผมรับรองว่าพรุ่งนี้ไม่เกินหนึ่งราตรีคุณได้เข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์แน่ๆ”
...
‘ไอ้ทุเรศจาร์วาด!!!’
ชายหนุ่มสบถคำนี้ในใจเป็นรอบที่ร้อย อยากจะเอามีดปาดคอมันเสียให้รู้เรื่องรู้ราวกันไป!
แต่เขาทำได้แค่เดินกระสับกระส่ายไปมาในห้องโล่งๆ
เสียงกระพรวนที่ดังรับทุกการก้าวเดินรึก็น่ารำคาญจนอยากกระชากทิ้ง
“!@#$%^&&(*%$R#!!!”
ชายหนุ่มหันควับไปมอง เสียงภาษาถิ่นดังมาจากประตู
จับใจความได้ประมาณว่าให้เขาออกไปได้แล้ว
ถึงเวลาแล้ว...ถ้ามีปืนซักกระบอกคงเป่าสมองไอ้คนพูดดับไปแล้ว...
“Lady
and Gentleman!! ในค่ำคืนนี้...คุณจะได้พบกับอัญมณีล้ำค่าจากแดนไกล...ที่เดินทางข้ามมาจากโพ้นทะเลตะวันตก!!
เจ้าอัญมณีงามสีขาวพิสุทธิ์...ลูกแก้วกลมสีมรกตทั้งสองข้างจะทำให้ทุกท่านตกตะลึงในความงาม....ทุกท่านครับ...”
...
..
.
“คริสตัลจากกรีทบริเทน!!!!”
สิ้นเสียงโฆษกประกาศเขาถูกผลักออกไปนอกผ้าม่าน
จากนั้นเสียงตะเบ็งเซ็งแซ่ก็ดังขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
บุคคลชั้นเจ้าขุนมูลนายต่างก็ส่งเสียงตะโกนแข่งกันดูราวกับบ้านป่าเมืองเถื่อนไม่ผิดเพี้ยน
พอกวาดสายตามองไปรอบๆห้องโถงขนาดใหญ่พบกับเจ้าเส็งเคร็งจาร์วาดนั่งอยู่บนชั้นลอยพร้อมกับชูถ้วยทองเหลืองราวกับทักทาย
“ฉันจะฆ่าแก...” ชายหนุ่มคาดโทษเบาเบา ทางนั้นก็พอจะรับรู้ได้จากสายตาของร่างบนเวที...จาร์วาดมองขำ! ทางนั้นไม่เหลือมาดจอมโจรชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษเสียเลย...ถูกจับแต่งตัวราวกับอิสตรี
ผ้าแพรเนื้อบางเบาสีทองแหวกเสียจนถึงเอว ลมพัดนิดเดียวก็เผยเรียวขาขาวอวดสายตาชาวบ้านไปเสียสิ้น
แผงออกเปล่าเปลือยนั่นขาวราวน้ำนม...ที่ต้นแขนทั้งสองข้างมีกำไลทองคำฉลุลายประณีตรัดอยู่...ถึงจะมีผ้าพันแผลบางจุดบนร่างกายแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความงามลดลง
ยังดีที่ไม่ถูกจับแต่งหน้าทาปากเพิ่ม...ไม่อย่างนั้นคงบอกได้เลยว่างามเสียจนสตรีใดในพื้นแผ่นดินนัฟตาคงหน้าม้านไปตามๆกัน
“สุภาพบุรุษสุภาพสตรี...ราคาประมูลเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่นดีแรมห์!!” บ้าเอ๊ย! ราคาเริ่มต้นที่เจ็ดร้อยปอนด์นิดๆ ซื้อรถซักคันยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!! แล้วใครคือตัวแทนจากอัล-ฟาบีย่าห์จะไปรู้ได้ยังไงกัน! ชายหนุ่มคิดอย่างหัวเสียพร้อมคาดโทษไอ้คนที่มันพาเขามาขายทอดตลาด
“หนึ่งหมื่นห้าพัน!”
“มาที่หนึ่งหมื่นห้าพันครับ!!”
“สามหมื่น!!”
“โอ้ว!! ขึ้นไปทีละเท่าตัวทีเดียว!!
แต่พวกท่านไม่คิดว่ามันน้อยไปหน่อยหรือสำหรับคริสตัลงามจากกรีทบริเทนเยี่ยงนี้?!! มีใครให้มากกว่าสามหมื่นหรือไม่!”
“สี่หมื่น!”
“สี่หมื่นดีแรมห์ครับ!”
“หกหมื่น!!”
“หกหมื่นดีแรมห์! ราคายังไหลไปต่อเนื่อง--”
“เจ็ดหมื่นห้าพัน!!”
“เจ็ดหมื่นห้าพันแล้วครับ!!”
“เก้าหมื่น!!” ชายหนุ่มมองความอลหม่านตรงหน้า กับราคาประมูล ‘ค่าตัว’ ที่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่มีหยุด
หากฟังไม่ผิดราคาตอนนี้อยู่ที่สองแสนห้าหมื่นสกุลเงินท้องถิ่น...เขาตวัดสายตาไปมองเจ้าคนที่นั่งหัวเราะพร้อมหันไปชนแก้วกันคนนู้นคนนี้อยู่บนชั้นลอยแล้วอดหงุดหงิดไม่ได้
หมอนั่นน่ะคุ้มเสียยิ่งกว่าใคร!!
ได้ตัวเขามาฟรีๆซ้ำยังได้เงินส่วนแบ่งจากการประมูลเสียแปดสิบเปอร์เซน! คอยดูเถอะถ้าเขาไม่ได้เข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์พ่อจะกลับมาเชือดหมกกลางทะเลทรายเสียให้สิ้นชื่อ
“หนึ่งล้านดีแรมห์!!! และพวกท่านจงหยุดเสียตรงนี้...”
หนึ่งเสียงตะโกนออกมาทั้งโถงตกอยู่ในความอึงอล
ไม่มีใครพูดอะไรไปพักใหญ่ก่อนจะเกิดเสียงตะเบ็งเซ็งแซ่ขึ้นมาอีกหน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังไปทั่ว
ชายหนุ่มบนเวทีหันมองชายในชุดโต๊ปยาว ดวงตาสีมรกตจ้องเหรียญทองที่คล้องคอของอีกฝ่าย
ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ...นั่นคือตราของ อัล-ฟาบียาห์อย่างแน่นอน
ยังไม่ทันจะได้ดีใจนานเท่าไหร่เสียงตะโกนโวยวายจากหลังเวทีก็ดังขึ้นกลบทุกเสียงภายในห้อง
กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดเสื้อผ้าสีมอบ้างก็ขาดวิ่นซึ่งไม่มีความเข้ากันแม้แต่น้อยกับความหรูหราของโถง
กระโจนพรวดขึ้นมาบนเวทีนั่นทำเอาคนที่อยู่ในอาภรณ์น่าอายเบิกตากว้าง
เสียงตะโกนภาษาถิ่นดังเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณ เจ้าของดวงตาสีมรกตไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นเป้านิ่ง
เขาวาดขาเตะไปยังคนที่รุดหน้าเข้ามาหมายจะจับตัวเขาโดยไม่สนว่าชุดที่สวมใส่จะเปิดไปถึงไหนต่อไหน
เมื่อคนถูกเตะลงไปนอนหงายบนพื้นคนที่ปล่อยลูกเตะเมื่อครู่ก็กระโจนลงจากเวทีพร้อมออกวิ่ง
นั่นทำให้ความวุ่นวายตามมาเมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์ตามลงมาพร้อมอาวุธครบมือ
ร่างโปร่งก่นด่าชายผ้าที่รุ่ยร่ายน่ารำคาญที่ตนกำลังสวม ครั้นจะให้ถอดทิ้งก็อุบาทว์เกินทน
สุดท้ายเลยได้แต่หอบชายผ้าวิ่งลิ่วๆออกไปอย่างรวดเร็ว
ผู้คนที่แตกฮือออกจากห้องโถงหนึ่งในนั้นมีชายหนุ่มชาวต่างชาติเจ้าของดวงตาสีมรกต
ร่างกายขาวสะอาดสวมเพียงเครื่องแต่งกายท่อนล่างเร่งฝีเท้าไปตามทาง เขาไม่มีเวลามาสนใจว่าเศษผ้าที่เขาสวมคลุมกายนี้จะเปิดไปถึงไหนต่อไหน
การเอาตัวรอดในตอนนี้เป็นสิ่งที่เขาควรจะให้ความสนใจมากที่สุด
ระหว่างที่กำลังวิ่งหลบกระสุนและกลุ่มคนที่กำลังตามมาด้านหลังอย่างไม่คิดชีวิต
สายตาเขาก็กวาดไปพบกับชายหนุ่มหน้าคมเข้มที่กำลังเดินเร็วๆไปยังรถจีปที่จอดนิ่งอยู่ในลาน
‘ไอ้ทุเรศจาร์วาร์ด!’ ชายหนุ่มคำรามในลำคอ
โทสะเล่นไปทั่วร่างราวกับร่างกายได้รับพิษร้าย
ความร้อนวูบวาบที่มาสุมอยู่บนใบหน้าเขาบอกได้เลยว่ามันคือความโกรธผสมปนเปไปกับความหงุดหงิด
เขาพลาดการเข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์เป็นครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกเขาทำพลาดด้วยตนเอง...นั่นเพียงพอที่จะทำให้เขานึกพาลไปหมดทุกสิ่ง
เจ้าของร่างขาวๆกระโจนขึ้นรถจีปไปนั่งข้างๆคนขับอย่างรวดเร็ว
“เฮ้! ว่าไง—อั่ก!!!”
ทันทีที่หันหน้ามาทักชายหนุ่มหน้าเข้มหน้าหันกลับด้วยแรงหมัดที่พุ่งสวนเข้าไปหน้าอย่างจัง
ก่อนคนที่ปล่อยหมัดใส่แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยจะออกปากสั่งให้เขาสตาร์ทรถเสียที
“เร็วเข้าซิ! จะปล่อยให้มันมายิงพรุนทั้งคู่หรือไง!”
“ผมรีบอยู่เห็นไหม! คุณนั่นแหละขึ้นมาบนรถผมทำไม!”
“มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน...เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว!
หรือถ้าคุณจะไม่ยอมให้ผมไปด้วยก็ไม่เป็นไรเพราะถ้าผมโดนพวกมันจับไปได้ผมจะบอกมันว่าคุณเป็นคนสั่งผมไปขโมยของของพวกมัน...แล้วทีนี้พ่อค้าตลาดมืดอย่างคุณจะมีอะไรแก้ตัวตอนโดนมาเฟียเจ้าถิ่นตามล่าค่าหัวบอกผมหน่อย”
แฮร์รี่ สไตลส์ ไม่ใช่คนที่ยอมให้ตัวเองเข้าตาจนง่ายๆ...เรื่องนี้เซน จาร์วาร์ด
มาลิค ควรจะต้องเรียนรู้อย่างเร่งด่วน...การขัดขาเหล่าผู้มีอิทธิพลไม่ใช่วิสัยพ่อค้าตลาดมืด
เพราะนอกจากจะทำให้ช่องทางทำมาหากินแคบลงแล้วบางทีอาจจะทำให้ชีวิตต้องยุ่งยาก
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมเข้มแยกเขี้ยวใส่คนที่นั่งข้างๆ
เขาล่ะนึกชังใบหน้าสวยๆนี่ขึ้นมาตงิดๆ...เขาเชื่อว่าพวกกลุ่มติดอาวุธคงยินดีจะเชื่อคำพูดเจ้าโจรตัวแสบคนนี้แน่ๆ
เพราะว่ายังไงเขาก็เป็นพ่อค้าตลาดมืด...เป็นที่รู้กันว่าของบางอย่างไม่ได้ได้มาอย่างใสสะอาดอยู่แล้ว
เพียงแค่เจ้าโจรนี่ซัดทอดมั่วๆว่าเขาเป็นคนว่าจ้างเขาคงโดนหางเลขไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
“ถ้าจะไปด้วยกันก็เกาะให้แน่นๆ...” ว่าเท่านั้นก่อนจะเหยียบคันเร่งถอยรถอย่างเร็วจนผู้คนที่วิ่งพล่านแตกฮือ
เจ้าของรถหักพวงมาลัยอย่างรวดเร็วจนรถแทบจะเสียศูนย์
ก่อนจะเหยียบคันเร่งอีกครั้งพร้อมตบเกียร์อย่างชำนิชำนานจนรถกระโจนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
แต่ถึงอย่างนั้นกลุ่มติดอาวุธด้านหลังก็ยังไม่ยอมแพ้...เมื่อขึ้นรถได้ก็เร่งเครื่องตามมาทันที
“มีปืนไหม!” เจ้าของดวงตาสีมรกตถามแหวกเสียงลม
เขาพยายามมองหาช่องที่อีกฝ่ายจะใช้เก็บปืนแต่กลับไม่เจอของที่ต้องการ
จะมีก็แต่เศษขยะเต็มไปหมด
“โธ่โว้ย!!!”
การพยายามของแฮร์รี่ดูจะไม่สำเร็จง่ายๆ เมื่อพวกที่ไล่ตามมาด้านหลังยิงปืนไล่มาจนคนที่เป็นฝ่ายขับรถต้องหักรถหลบ
กล่องปืนจึงลื่นไถลห่างมืออกไปอีกครั้ง
แฮร์รี่สบถอย่างหัวเสียพยายามจะคว้ากล่องปืนให้อยู่เขาจึงต้องขยับตัวโน้มไปด้านหน้ามากกว่าเดิม
“โว้วววว!!!” เสียงคนขับสบถดังลั่น
รถโคลงไปชั่ววูบหนึ่งซึ่งมันไม่ได้มาจากการหักหลบกระสุน
แต่เป็นเพราะคนขับเผลอมองเรียวขาขาวๆของคนที่กำลังเอื้อมหยิบปืนนานไปหน่อยเขาจึงเสียสมาธิในการขับรถไปชั่วครู่
ยิ่งขับรถเร็วมากเท่าไหร่แรงลมก็ยิ่งพัดผืนผ้าบางเบาที่อีกฝ่ายสวมให้ยิ่งแหวกจนเผยเรียวขาขาวๆอย่างห้ามไม่อยู่
“ขับนิ่งๆได้ไหม!!”
“รีบหยิบมาก่อนจะตายทั้งคู่เถอะน่า!!” เซนตัดบท รู้สึกใบหน้าร้อนวูบวาบจนต้องพยายามหาอะไรมาคิดให้ลืมภาพเรียวขาขาวๆของอีกฝ่าย...ขาเริ่มท่องพยัญชนะอาหรับอย่างช้าๆเพื่อให้สมองไปสนใจเรื่องอื่นแทน
อลีฟ...บา...ตา...ซา...ขาขาวๆ...ไม่!
เอาใหม่...อลีฟ...บา...ตา...ซา...สะโพก...พระเจ้าทรงโปรด!!!
ทำยังไงก็ได้ให้เขาลืมภาพนี้เสียที!
พวกที่ตามมาก็ดูเหมือนจะไม่ยอมถอยง่ายๆ
ทางนั้นสาดกระสุนมาไม่ยั้งราวกับมันมีกระสุนเหลือมากมายเป็นคลังแสง
กระสุนหลายนัดเจาะเข้าที่ข้างรถจนทะลุเป็นรูโหว่ แฮร์รี่นึกโมโหจนอยากจะให้สิ่งที่มีติดรถเป็นระเบิดมือไม่ใช่ปืนพกธรรมดาๆ
จะได้จับเขวี้ยงให้ระเบิดตายไปทั้งคันรถแบบนั้นคงประหยัดแรงไปเยอะ
“ได้แล้ว!!” เสียงดังมาจากเบาะหลัง
แฮร์รี่คว้ากล่องใส่ปืนมาเปิดแล้วเริ่มทำการบรรจุกระสุน
เขานึกชอบใจปืนกระบอกนี้ไม่น้อย เพราะมันคือเฮคเลอร์ แอนด์ คอช รุ่นเอ็มพีเซเว่น(Heckler
& Koch : MP7) พร้อมซองกระสุนขนาด40นัด
ใช้เวลาเตรียมปืนไม่นานแฮร์รี่ก็เอี้ยวตัวกลับไปพร้อมยิงใส่พวกที่ขับตามหลังมาในทันที
ปัง! ปัง! ปัง!
ทุกนัดยิงหวังผล...แฮร์รี่เล็งเข้าที่ยางสลับกับเปลี่ยนมายิงจู่โจมอีกฝ่าย
นึกขอบคุณเจ้าพ่อค้าตลาดมืดที่รสนิยมป่าเถื่อนไม่น้อย เพราะกระสุนที่อีกฝ่ายเลือกมาคือกระสุนเจาะเกราะซึ่งอานุภาพรุนแรงจนสามารถเจาะทะลุยางหนาๆได้ภายในการยิงเพียงไม่กี่นัด
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแฮร์รี่นึกขอบคุณความแม่นยำของตนเองมากกว่าที่ไม่ต้องเปลืองกระสุนมากมายก็สามารถทำให้รถของอีกฝ่ายวิ่งต่อไม่ได้
สุดท้ายภาพของกลุ่มคนที่กำลังหัวเสียก็กลายเป็นเพียงจุดเล็กๆอยู่ที่ปลายสายตาเมื่อรถของพ่อค้าตลาดมืดแล่นห่างออกมาเรื่อยๆ
“เป็นไง...”
“พวกมันไม่ตามมาแล้ว...เฮ้!!! คุณโอเคไหม!”
“ผมโอเคน่า...คุณนั่งไปเฉยๆเถอะ แล้วก็คลุมไว้ซะ”
คนพูดดึงคาฟีย่าห์ออกจากศีรษะส่งให้คนที่นั่งข้างๆ
เจ้าของดวงตาสีมรกตรับผืนผ้าสีขาวมาถือไว้พร้อมกับมองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถทั้งๆที่แขนเสื้อข้างซ้ายชุ่มโชคไปด้วยเลือด
คิดว่าแขนอีกฝ่ายคงโดนกระสุนถากเข้าจากการยิงปะทะกันเมื่อครู่
“ขอบใจ...” แฮร์รี่จับผ้าผืนหนามาคลุมไหล่เอาไว้
ผ้าผืนใหญ่พอจะคลุมร่างเขาทั้งร่าง
“มันจะเป็นพระคุณอย่างมาก ถ้าคุณยอมบอกผมว่าพวกมันตามล่าคุณทำไม?”
คนถามเหลือบตามามองครู่หนึ่งก่อนจะหันไปสนใจขับรถฝ่าทะเลทรายเวิ้งว้างตรงหน้าต่อ
แฮร์รี่เม้มปากเป็นเส้นตรงอย่างครุ่นคิด..ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังเขาแค่ขี้เกียจจะอธิบายเท่านั้นเอง
แต่ว่าในเมื่อทางนั้นยอมร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันถึงขนาดนี้แล้ว
เขาคิดว่าเขาก็ควรที่จะบอกอะไรอีกฝ่ายบ้าง
“ผมแค่มาเอาเพชรของราชินีคืน...”
“เพชรควีนฮาร์ท? อย่าบอกผมนะว่ามันคือควีนฮาร์ทเดียวกับเพชรบนมงกุฎของควีนอย่างในข่าวลือ...”
“...” ความเงียบเป็นคำตอบที่แฮร์รี่มีให้
เซนนึกอยากจะทึ้งหัวตัวเองเสียเดี๋ยวนั้น!
เขาเองก็ตามล่าเพชรควีนฮาร์ทมานานจนเริ่มถอดใจไปแล้ว
แต่การที่อีกฝ่ายมาบอกว่าควีนฮาร์ทยังอยู่บนผืนแผ่นดินนัฟตาทำให้เลือดในกายเขาไหลพล่านอย่างห้ามไม่อยู่
ราวกับจะเห็นกองเงินกองทองมาวางอยู่ตรงหน้าในอนาคตอันไกลลิบๆ
“มันถูกเปลี่ยนมือไปจนถึงพ่อค้าเพชรรัสเซียแล้วนี่!!”
“ไม่...นั่นแค่ข่าวลวง...มันยังอยู่ที่นี่...อยู่ในวังอัล-ฟาบีย่าห์...”
“คุณรู้ได้ยังไง?”
“ก็ผมเป็นคนเอาไปไว้ที่นั่นเอง” คนขับรถหันมามองคนพูดทันที
ถ้าหากมันไม่ใช่สถานการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นจากการถูกไล่ยิ่งโดยกลุ่มติดอาวุธ เซนคงคิดว่าอีกฝ่ายเสียสติ...หากเป็นในเวลาปกติใครมาพูดว่าเป็นคนซ่อนเพชรควีนฮาร์ทไว้ในวังที่มีการอารักขาแน่นหนากว่าเซฟตี้ล็อคของตู้เซฟในธนาคารโลกเขาคงขำจนกรามแทบค้าง
“ได้โปรด...บอกผมว่าคุณล้อเล่น”
“...” ใบหน้าจริงจังของแฮร์รี่ทำเอาเซนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
เขาอ้าปากค้างแล้วหุบแล้วก็อ้าปากเหมือนจะพูอะไรอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงใดใดเล็ดรอดออกมา
“งั้นที่คุณอยากเข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์ก็เพราะ...” เซนถามขึ้นราวกับเพิ่งหาเสียงของตนเองเจอ
ใบหน้าคมเข้มดูอีหลักอีเหลือกจนคนมองต้องกลั้นขำแทบตาย
“ใช่...ผมจะไปเอาควีนฮาร์ทคืน...ผมไปขโมยมาจากไอ้พวกที่ล่าเราก่อนที่มันจะส่งขายให้พ่อค้าชาวรัสเซีย
แล้วก็เอาไปซ่อนไว้ในห้องนอนของชีคอับบาซเมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถึงแก่กรรมก่อนวัยอันควร...ผมเลยต้องหาทางกลับเข้าไปเอาออกมาก็เท่านั้น”
แฮร์รี่ไหวไล่ราวกับมันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่คนฟังกลับไปจนคำพูดอีกครั้ง...ให้ตายเถอะ!
นี่เขากำลังพัวพันกับเรื่องใหญ่เกินกว่าที่คิดเสียแล้ว
“เดี๋ยวนะ...แล้วคุณทำยังไงถึงเอาไปไว้ในห้องนอนของชีคคนก่อนของวังอัล-ฟาบีย่าห์ได้!”
“ก็...ต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างล่ะนะ...” คำว่า แลกมาด้วยอะไรบางอย่าง
นั้นคนข้างๆใช้น้ำเสียงที่เรียกได้ว่า ‘ยั่วเย้า’ จนทำเอาคนฟังคิดเตลิดไปถึงไหนต่อไหน
พลันภาพเรียวขาขาวๆของอีกฝ่ายก็กลับมาฉายซ้ำในหัวราวกับมีใครไปเปิดผนึก
ซ้ำร้ายเขายังกำลังจินตนาการต่อไปถึงตอนที่เรียวขาขาวนั่นกำลังรัดรอบเอวของเขาอย่างแนบแน่น
“คุณต้องล้อเล่นแน่ๆ!”
“ผมแลกมาด้วยการเสี่ยงตายเป็นสิบครั้งไง...คุณคิดว่าผมแลกมาด้วยอะไรไม่ทราบ!” เสียงหัวเราะกวนประสาททำเอาเซนอยากจะขยำคออีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด
แต่เขาเริ่มรู้สึกล้าแล้ว...อาจจะเป็นเพราะแขนเขายังมีเลือดไหลไม่หยุด
ถึงมันจะไม่ได้ถูกกระสุนฝัง แต่ว่าถ้าหากไม่ได้รับการรักษาเขาอาจจะเสียเลือดจนตายภายในไม่กี่ชั่วโมง
“มีอารมณ์ขันเสียจริง...แล้วจากนี้คุณจะเอายังไงต่อ”
“ผมก็ต้องกลับไปหาทางเขาวังอัล-ฟาบีย่าห์ให้ได้แล้วก็ไปเอาควีนฮาร์ทกลับมาก็เท่านั้น”
“พูดเหมือนง่าย...ตั้งแต่ชีคอับบาซถูกลอบฆ่า
วังอัล-ฟาบีย่าห์ก็เพิ่มการอารักขามากขึ้นเป็นสองเท่า
เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นกับชีคมูบาร็อกอีก...และ!
คุณควรจะรู้ไว้นะว่าชีคมูบาร็อกไม่ได้ใจดีแบบชีคอับบาซ”
“ผมรู้น่า...ความจริงก็ไม่อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะ! แต่ว่าคุณพอจะหาทางพาผมเข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์ได้ไหม?”
“หึหึ! ผมจะได้อะไรไม่ทราบ?”
แฮร์รี่เพิ่งคิดได้ว่าเขาไม่น่าจะไปหวังความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายเลย คนที่หวังแต่กำไรไม่ยอมขาดทุนแบบหมอนี่ในหัวคงมีแต่การค้าทั้งนั้นแหละ
“คุณอยากได้อะไรล่ะ...อะไรที่ผมหาให้ได้ผมก็ยินดีหาให้!”
“อืม...ผมยังคิดไม่ออกว่าผมอยากได้อะไร แต่วิธีเข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์น่ะมีแน่...คุณจะยอมไว้ใจผมไหมล่ะ?”
แฮร์รี่รู้ดีว่ามันเป็นคำถามที่ไม่มีตัวเลือก
ไม่ว่าเขาจะไว้ใจหรือไม่เขาก็ต้องยอมเสี่ยงเดินตามเกมของอีกฝ่ายเท่านั้น
เพราะตอนนี้ในมือเขาไม่มีไพ่ตายใบไหนเหลือแล้ว
ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็ไร้ทางเลือกโดยสิ้นเชิง
“ผมไม่ไว้ใจคุณ...แต่ผมจะยอมเสี่ยงดูซักครั้ง
ผมไม่มีอะไรให้เสียแล้วผมเหลือทางเลือกเดียวคือเทหมดหน้าตัก...”
“เลือกได้ดี...งั้นก่อนอื่นเราไปเยี่ยมเพื่อนเก่ากันก่อนดีกว่า...”
คนเจ้าเล่ห์ว่าพร้อมหักพวงมาลัยรถไปทางตะวันตก
และขับไปเรื่อยๆราวกับไร้จุดหมายบนทะเลทรายที่กว้างใหญ่ผืนนี้
...
สองวันเต็ม...นั่นคือเวลาที่ เซน จาร์วาร์ด มาลิค
หลับไปหลังจากที่ขับรถพาตนเองและคนที่ถูกเรียกว่า ‘คริสตัลจากกรีทบริเทน’ มาจนถึงหมู่บ้านเล็กๆกลางทะเลทราย ดวงตาคมเข้มกระพริบช้าๆ
นัยน์ตาพร่ามัวจนเห็นภาพจุดเลือนๆลอยอยู่เต็มไปหมด
ไม่นานหลังจากนั้นทัศนวิสัยของเขาก็ชัดเจนขึ้นภาพแรกที่เขาเห็นคือเพดานกระโจมผ้าดิบเก่าๆ
เมื่อเหลียวมองรอบตัวก็พบว่าเขากำลังนอนอยู่บนที่นอนซึ่งเป็นเพียงตั่งไม้เก่าๆที่ปูทับด้วยผ้าขนสัตว์เท่านั้น
“ตื่นซักที...เจ้าหญิงนิทรา”
น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายดังมาจากคนที่เพิ่งเปิดกระโจมเข้ามา
เซนยังไม่สามารถเรียบเรียงความคิดที่กระจัดกระจายให้เข้าที่ เขาจึงได้แต่หลับตาแน่นแล้วก้มหน้าร้องครางอย่างหมดท่าเพราะความมึนผสมกับความปวดจากบาดแผลที่แล่นริ้วไปถึงปลายนิ้ว
“ผมนอนไปนานแค่ไหน?”
“สองวัน...นึกว่าจะต้องจูบปลุกซะแล้ว” คนพูดเอ่ยทีเล่นทีจริง
หลังจากอีกฝ่ายขับรถพาขามาถึงหมู่บ้านเล็กๆของชนเผ่าเบดูอินทางนั้นก็สลบเหมือดไปในทันที
แต่ดูเหมือนผู้คนที่นี่จะรู้จักกับคนหน้าเข้มมาก่อนเขาจึงได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
บาดแผลที่แขนของคนที่นอนสลบถูกทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย
นั่นทำให้แฮร์รี่นึกถึงแผลของตนเองขึ้นมาแต่ว่าถึงตอนนี้มันก็ไม่ได้เจ็บอะไรแล้วเขาเลยไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“เป็นพระคุณมากที่ไม่จูบปลุกผม...”
“เอ้า...ดื่มซะ! เขาบอกให้เอามาให้คุณดื่มหลังจากคุณตื่น
กำลังร้อนๆพอดี” เซนรับแก้วที่มีฝาปิดมาจากอีกฝ่าย
เมื่อเปิดฝาเล็กๆนั่นออกก็พบว่ามันเป็นนมสีขาวนวลที่มีควันลอยโก่
เขาค่อยๆละเลียดดื่มนมร้อนในแก้วอย่างไม่รีบร้อน
กลิ่นเฉพาะตัวบอกเขาว่ามันคือนมแพะ
รสหวานแบบธรรมชาติช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นอย่าน่าประหลาด ทุกครั้งที่ดื่มความร้อนจะไหลวาบผ่านลำคอลงไปยังกระเพาะซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่เยี่ยมยอดจริงๆ
“ขอบคุณ...”
“ทำไมคนที่นี่ดูเต็มใจต้อนรับคุณ” แฮร์รี่เปิดประเด็นถามขึ้นตามความสงสัยที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดสองวัน
ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาเหยียบหมู่บ้านเล็กๆของชาวเบดูอินเขาก็ถูกต้อนรับอย่างดี...ดีเกินไปด้วยซ้ำ
ทั้งอาหารการกินที่ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงขั้นหรูหราแต่ก็ดีกว่าเศษขนมปังที่เขาพกติดตัวเป็นไหนๆ ที่นอนอุ่นสบาย
เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านที่กำลังสวม...มันดีเกินกว่าจะเชื่อว่าเขาจะไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนตามหลัง
และถ้ามีเซอร์วิสชาร์จละก็ แฮร์รี่เดาว่าเขาคงโดนเรียกเก็บจนบิลยาวเป็นหางว่าว
“ผมเองก็เป็นเบดูอินที่เติบโตและเร่ร่อนไปทั่วทะเลทรายก่อนจะผันตัวมาเป็นพ่อค้าอย่างทุกวันนี้...สำหรับชาวเบดูอินบ้านไม่ได้อยู่ที่สถานที่...แต่มันอยู่ที่คนต่างหาก...”
เซนพูดพร้อมเกี่ยวสร้อยคอหนังที่ร้อยเข้ากับจี้เหรียญเงินเบี้ยวๆให้ดู
บนนั้นมีตัวอักษรอาหรับที่แฮร์รี่ไม่เข้าใจนักแต่คิดว่ามันคงจะเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง
“เราพร้อมจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอเพราะเราคือครอบครัว...แม้ผมจะไม่ได้เติบโตมากับเบดูอินกลุ่มนี้หรือต่อให้ไม่มีใครในนี้รู้จักผม...แต่พวกเขาจะรู้ได้จากเหรียญนี่ว่าผมมีเลือดเบดูอินไหลเวียนอยู่ในตัวเช่นกัน
มันเป็นเรื่องของสายสัมพันธ์...อะไรเทือกๆนั้นน่ะนะ...”
เซนไหวไหล่เหมือนเรื่องที่เล่ามันเป็นเรื่องทั่วๆไป
แต่แฮร์รี่รู้ดีว่ามันคงยากลำบากมากกว่าจะผ่านช่วงเวลาที่ต้องเติบโตพร้อมกับเร่ร่อนไปทั่วทะเลทรายอันกว้างใหญ่แห่งนี้
“ผมว่าเท่ดี...คำว่าเบดูอินน่ะ...” เซนเหลือบมองคนพูด
เขาไม่ค่อยเข้าใจความหมายนักแต่จะถือว่านั่นเป็นคำชมก็แล้วกัน...ดวงตาคมมองสำรวจคนที่นั่งอยู่บนตั่งอีกตัวหนึ่งซึ่งห่างไปไม่ถึงเมตร
ทางนั้นสวมโต๊ปยาวสีดำสนิทตัดกับผิวขาวๆ เรือนผมยาวหยักศกสีเปลือกไม้ถูกรวบไปไว้ด้านหลังเผยให้เห็นใบหน้าขาวกระจ่างอย่างชัดเจน
ดวงตาคู่งามดูคมเข้มขึ้นจากการเขียนขอบตาที่ยิ่งขับให้ดวงแก้วสีมรกตนั่นเด่นชัด...ความงามล้นเหลือสมคำว่า
‘คริสตัลจากกรีทบริเทน’
“คุณเองก็เหมาะกับโต๊ปดีนะ...ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณใส่ที่โอเอซิสของผมผมไม่ทันมอง...”
เซนเอ่ยปากชมออกมาง่ายๆก่อนที่จะกระดกนมดื่มราวกับเรื่องที่พูดเมื่อครู่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร คนถูกชมเหลือบมองคนพูด...แฮร์รี่เบะปากอย่างไม่อยากจะยอมรับว่าเขาเผลอใจเต้นไปกับคำพูดเหล่านั้น
คำชมจากปากของชายที่สวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายตัวเดียวแล้วดูดีราวกับหลุดมาจากปกนิตยสารแฮร์รี่ไม่อยากจะรู้สึกยินดีไปด้วยหรอก...
แฮร์รี่มองคนที่นั่งตรงข้าม ทางนั้นกำลังนั่งชันเข่าข้างหนึ่งอยู่บนตั่งไม้โดยสวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายสีหม่นเนื้อหนา
หน้าท้องขึ้นลอนสีน้ำผึ้งจางๆนั่นบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงดูแลสุขภาพไม่ขาด
ขนาดผ้าพันแผลบนท่อนแขนยังดูราวกับเครื่องประดับที่ให้ความรู้สึกสมชายชาตรีในแบบแปลกๆ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เซน จาร์วาร์ด มาลิค
พ่อค้าตลาดมืดคนนี้ดูดีไร้ที่ติไปทุกกระเบียดนิ้ว...
“แล้วเราจะเอายังไงต่อ?” แฮร์รี่ไม่ได้กล่าวขอบคุณหรือตอบรับคำชมนั่น
เขาคิดว่าอีกฝ่ายก็คงพูดไปอย่างนั้นเองจึงไม่อยากจะเก็บมาใส่ใจมากนัก อีกอย่างเขายังมีเรื่องที่สำคัญกว่าให้ต้องคิด...การเข้าไปยังวังอัล-ฟาบีย่าห์...อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้รีบร้อน
แต่เพียงแค่ไม่แน่ใจว่าจะเข้าราชวังสีงาช้างนั่นได้อย่างไรก็เท่านั้น
“แค่ทำตามที่ผมบอกก็พอ...”
...
..
.
.
‘ไอ้ทุเรศจาร์วาร์ด!!!!’
เป็นอีกครั้งที่แฮร์รี่ตะโกนด่าพ่อค้าตลาดมืดจอมกวนประสาทในใจ...เขานึกอยากจะล้มเลิกแผนเสียตอนนี้แล้วหาทางกลับอังกฤษให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ในเมื่อทุกๆอย่างมันมาถึงขนาดนี้แล้วเขาก็ทำได้แค่ยอมถูกตีตรวนบนข้อมือและข้อเท้าทั้งสองข้างพร้อมๆกับถูกฉุดกระชากไปตามทางท่ามกลางสายตาของคนทั้งเมือง
มันคงจะไม่มีปัญหาถ้าเขาไม่ได้อยู่ในชุดบ้าบอคอแตกที่แทบจะไม่ปกปิดอะไรเลย เขาอยากจะเรียกมันว่าเศษผ้าด้วยซ้ำไปอย่าเรียกว่าชุดเลย!
แฮร์รี่มองแผ่นหลังของคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า
ทางนั้นแต่งตัวเต็มยศเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรก...ทั้งโต๊ปยาว
คาฟีย่าห์สีขาวสะอาดที่คาดทับด้วยเชือกอีกัลป์ แฮร์รี่ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายคงจะกำลังตีขรึมวางมาดเป็นพ่อค้าตลาดมืดผู้น่าเกรงขามอยู่แน่ๆ
“มีธุระอะไร!”
เสียงทหารยามดังขึ้นเมื่อเซนพยายามจะลากตัวแฮร์รี่ผ่านประตูราชวังเข้าไป
แฮร์รี่กลอกตาไปมาอย่างเซ็งจัด...มีคนสติดีที่ไหนจะเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าวังตอนกลางวันแสกๆบ้าง?
คงมีเจ้าพ่อค้าสติไม่ดีคนนี้แหละคนแรก...
“เราเอาทาสที่ท่านชีคมูบาร็อกประมูลมาจากตลาดที่ดาห์แรมมาส่ง...เราล่าช้าไปถึงสองวันแล้ว
ถ้าหากพวกท่านจะเมตตากรุณาพาเราไปพบท่าชีคด้วยเถอะ”
น้ำเสียงเหมือนจะขอร้องแต่แฮร์รี่รู้ดีว่านั่นมันเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น
เจ้าบ้าจาร์วาร์ดไม่มีทางใช้น้ำเสียงแบบนั้นเพื่อขอร้องใครแน่ๆเขาพนันได้เลย
“ตามเรามา...” นายทหารคนหนึ่งออกเดินนำ
ส่วนอีกคนยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ เซนหันมาขยิบตาให้แฮร์รี่ทีหนึ่งราวกับจะบอกว่า ‘เห็นไหม...แผนนี้ได้ผล’
แฮร์รี่ได้แต่ขยับปากด่าแบบไม่มีสีเสียงกลับไปเท่านั้น เมื่อเดินไปถึงประตูทางเข้าราชวังทั้งสองคนก็ถูกตรวจค้นอาวุธ
เสร็จแล้วจึงถูกพาเดินต่อไปตามทางเดินหินอ่อนมันปลาบ
ท้องพระโรงในราชวังสีงาช้างงดงามสมคำร่ำลือ...ผลงานศิลปะแต่ละชิ้นที่ชีคคนก่อนๆเลือกมาตกแต่งล้วนแล้วแต่งดงามและหาชมได้ยากยิ่ง
ทั้งแจกันทรงแปลกตาจากแคชเมียร์ พรมเปอร์เซียที่ทอด้วยมือจากตุรกี หรือว่าจะเป็นภาพวาดผลงานของศิลปินระดับโลกจากยุคกลางก็ยังมีให้เห็น
แต่ในหัวของพ่อค้าตลาดมืดไม่ได้ชื่นชมความงามของเหล่างานศิลปะเหล่านั้นแม้แต่น้อย
เขากำลังประเมินคุณภาพของงานแต่ละชิ้นพร้อมกับตีราคาคร่าวๆ
“รอตรงนี้...” นายทหารคนที่เดินนำว่าเรียบๆก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง
แฮร์รี่ขยับตัวอย่างอึดอัด เขารำคาญตรวนที่ข้อมือและข้อเท้าจะแย่
มันทั้งหนักและน่ารำคาญ
“คุณจำได้ไหมว่าเอาซ่อนไว้ตรงไหน...”
เซนถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิวเพราะกลัวว่าจะมีใครผ่านมาได้ยินเข้า เซนเอื้อมมือมาไขกุญแจปลดพันธนาการออกจากข้อมือขาว
ก่อนจะก้มลงไปไขกุญแจที่ข้อเท้าให้ แฮร์รี่อยากจะท้วงแต่ไม่ทันเสียแล้ว
เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลทองย่อตัวลงเบื้องหน้าเขา
ตั้งใจปลดพันธนาการที่พันรอบข้อเท้าให้อย่างเบามือ...ดวงแก้วสีมรกตทอดมองคนที่คุกเข้าอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลายที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่สามารถอธิบายได้
“จำได้...แต่ก็ได้แต่หวังว่ามันจะยังอยู่ที่เดิม” แฮร์รี่ตอบเรียบๆ
เขากำลังกังวลว่าจะมีใครมาเจอเพชรควีนฮาร์ทไปก่อน ในใจภาวนาให้มันยังอยู่ที่เดิม
ดวงตาสีมรกตของแฮร์รี่ทอประกายด้วยความชอบใจ
ห้องส่วนตัวของชีคอับบาซซึ่งแม้ว่าในตอนนี้จะกลายมาเป็นของชีคมูบาร็อกแล้วแต่ทุกอย่างภายในห้องยังคงเหมือนเดิมแทบทุกกระเบียดนิ้ว
จะมีที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยคือมีชั้นหนังสือเพิ่มขึ้นและโต๊ะทำงานตัวใหม่
แต่โดยรวมแล้วทุกอย่างแทบไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน
“ท่านชีค...” เซนค้อมตัวอย่างนอบน้อมให้กับคนที่เดินถือหนังสือออกมาจากห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อกัน
ชายสูงศักดิ์แต่งกายด้วยชุดโต๊ปสีครีมปักดิ้นเงินแต่ไม่ได้สวมคาฟีย่าห์
ใบหน้าคมคายหล่อเหลามีส่วนคล้ายคลึงชีคอับบาซผู้เป็นลุง
ทันทีที่ดวงตาคมสีรัตติกาลของผู้ที่มีศักดิ์สูงที่สุดในห้องทอดมายังร่างงามระหงส์รอยยิ้มพึงใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชีคหนุ่มในทันที
“ท่านจาร์วาร์ด...” สุ่มเสียงนั้นฟังดูมีเมตตาเหลือคณา
แต่คนถูกเรียกชื่อกลับรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
เซนทำเพียงแตะหน้าผากลงกับหลังมือที่ยืนมาตรงหน้าแล้วก้าวถอยหลังไปยืนอยู่เงียบๆที่มุมด้านหนึ่ง
ปล่อยให้ชีคหนุ่มสืบเท้าเข้าใกล้คนที่เขาพามาด้วย
ชีคมูบาร็อก บินอุสมาน มูซา มูอัสซิน
เป็นชายหนุ่มร่างโปร่งกำยำไม่แพ้พ่อค้าตลาดมืดอย่างเซนแม้แต่น้อย
ใบหน้าคมคายตามแบบฉบับตะวันออกกลาง
นัยน์ตาสีรัตติกาลดูลึกล้ำเกินหยั่ง...แฮร์รี่รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆยามที่ถูกดวงตาคู่นี้จ้อง
มันคล้ายๆกับการจมน้ำ...ทั้งอึดอัดและรำคาญอย่างหาที่มาไม่ได้
เรียวนิ้วแกร่งของชีคหนุ่มยื่นมาเชยคางคนตรงหน้าขึ้นอย่างนุ่มนวลแต่ถึงกระนั้นแฮร์รี่ก็ยังไม่ค่อยชอบใจอยู่ดี
“งดงาม...สมกับเป็นคริสตัลจากเกาะอังกฤษ...เราคงยินดีที่จะได้อวดอ้างกับใครต่อใครว่าเรามีอัญมณีล้ำค่าเช่นนี้ในมือ...”
สุ่มเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยอย่างชื่นชม
ทั้งๆที่ทางนั้นใช้น้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟังแต่แฮร์รี่กลับรู้สึกคลื่นเหียนกับคำพูดของชายสูงศักดิ์ตรงหน้า
คำหวานเหล่านั้นพาแฮร์รี่หวนนึกถึงคำชมจากคนที่ยืนนิ่งๆห่างไปไม่ไกลนัก...น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกอย่างนั้นกับคำชมจากเซน...คำชมจากปากพ่อค้าตลาดมืดที่ไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์
ใดใด...แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกดีกว่าเป็นไหนๆ
“ถ้าอย่างนั้นกระผมขอตัวก่อน...” เซนค้อมตัวให้
แต่ก่อนจะเดินออกจากห้องส่วนตัวของชีคหนุ่มแห่งวังอัล-ฟาบีย่าห์เขาก็ถูกกระแสเสียงนุ่มทุ้มเรียกเอาไว้เสียก่อน
“ท่านจาร์วาร์ด...หากท่านไม่ได้รีบไปไหนโปรดรอทานมื้อเย็นกับเราก่อน
เรามีความยินดีที่จะต้อนรับท่านในฐานะผู้ที่ส่งมอบความงามนี้แก่เรา...”
ฝ่ามือแกร่งผายมายังคนที่ยืนข้างๆเป็นการบอกว่าความงามที่พูดถึงนั้นหมายถึงเจ้าของดวงตาสีมรกตไม่ใช่ใคร
“ด้วยความยินดีครับท่านชีค” เซนผงกศีรษะให้พร้อมรอยยิ้มการค้า
ก่อนจะเดินจากไปปล่อยให้คนสองคนในห้องได้มีเวลาส่วนตัวเงียบๆ
“สองวัน...นานเหมือนสองปี เราคิดว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกเสียแล้ว...”
ชีคหนุ่มพูดด้วยภาษาอังกฤษที่ลื่นไหลพร้อมกับเดินนำแฮร์รี่ผ่านทางเชื่อมไปยังห้องนอนส่วนตัว
“วันนั้นที่ดาห์แรมเราไม่คิดว่าจะมีการปล้นเกิดขึ้นเลยต้องคลาดกันเช่นนี้
เราดีใจมากตอนที่ท่านจาร์วาร์ดติดต่อกลับมา...ไม่เช่นนั้นเราคงเสียใจมากที่ความงดงามเช่นนี้หลุดมือไป...”
เรียวนิ้วแกร่งจับปอยผมสีเปลือกไม้ไปทัดเอาไว้หลังใบหูขาว
ดวงตาสีรัตติกาลจับจ้องดวงหน้าขาวผุดผาดไม่วางตา
“ผม...มีค่าขนาดนั้นเลยหรอครับ...”
แฮร์รี่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นตื่นกลัว
แต่ในหัวของเขากำลังรู้สึกรำคาญสายตาของคนตรงหน้าจนอยากจะใช้ส้อมทองเหลืองที่วางโชว์อยู่ในตู้มาควักลูกตาอีกฝ่ายออกให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
“อย่าดูถูกความงามของตนเองเช่นนั้นเลย...” เจ้าของเสียงนุ่มว่าพร้อมจับจูงอีกฝ่ายไปยังโซฟาหลุยส์
ชีคหนุ่มนั่งลงที่โซฟาเงียบๆก่อนจะดึงร่างอีกฝ่ายลงนั่งตักอย่างรวดเร็วจนคนถูกดึงแทบไม่ทันตั้งตัว
แฮร์รี่เกือบปล่อยหมัดออกไปด้วยความตกใจแต่ยังดีที่เขามีสติมากพอที่จะยั้งมือเอาไว้
เพราะถึงยังไงอีกฝ่ายก็ตัวใหญ่กว่า...ไม่มีทางล้มในหมัดเดียวแน่ๆ
“ความจริงผมไม่ได้สูงค่าขนาดที่ท่านคิดหรอก...” เป็นโจรที่จะมาปล้นบ้านท่านด้วยซ้ำ...แฮร์รี่ได้แต่ต่อประโยคในใจ
ก่อนจะโอบแขนทั้งสองข้างลงที่รอบลำคอแกร่งของอีกฝ่าย
ดวงตาสีมรกตจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีรัตติกาลของชีคหนุ่ม
เขาไม่ได้จะค้นหาความจริงใดใดที่ซ่อนไว้เบื้องหลังนัยน์ตาคมเข้มคู่นี้
เขาทำเพียงเพื่อดึงความสนใจและซื้อเวลาเท่านั้น
แม้จะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าแต่อาการร้อนรนของแฮร์รี่ก็แสดงออกผ่านทางหยาดเหงื่อที่เริ่มผุดตามขมับ...มันนานเกินไปแล้ว
เขาต้องประวิงเวลาเพื่อเจ้าพ่อค้าตัวแสบนั่นอีกนานแค่ไหนกัน?
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอีกฝ่ายรับปากเอาไว้มั่นเหมาะว่ามีแผนการดีดีป่านนี้เขาคงฟาดชีคจอมหื่นตรงหน้าสลบไปแล้ว
จะได้ไปเอาเพชรแล้วรีบๆออกไปจากที่นี่ก่อนจะถูกจับได้
‘ผมมีแผนดีดีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรมาก...แค่ยื้อเวลาเอาไว้ให้นานที่สุดก็พอ...’
แฮร์รี่นึกถึงคำพูดของคนที่หายออกไปพักใหญ่ๆ
แล้วไอ้แผนการดีดีที่ว่าน่ะมันคืออะไรกันล่ะ!
ถ้าไม่มาภายในห้านาทีนี้รับรองได้เลยว่าเขาเสร็จเจ้าชีคจอมหื่นนี่แน่ๆ
แค่สายตาที่ใช่มองมาก็อย่างกับจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว...ถ้าจะมองกันขนาดนี้ไม่เลียหน้ากันไปเลยล่ะ!
“ทุกความงามสูงค่าเสมอ...”
ว่าจบริมฝีปากสีซีดของชีคหนุ่มก็ประกบเข้ากับเรียวปากสีเชอร์รี่ของคนที่นั่งอยู่บนตัก
แฮร์รี่อยากจะผลักออกแต่ทำไมได้...จำเป็นต้องไหลตามน้ำไป
ได้แต่ภาวนาให้คนที่หายหัวไปนานครู่ใหญ่รีบเข้ามาเสียทีเพราะสติของเขากำลังกระเจิดกระเจิงไปคนละทาง
ต้องยอมรับเลยว่าชีคหนุ่มนั้นจูบเก่งจนเขาแทบจะเคลิ้มตามอยู่แล้ว
ริมฝีปากร้อนๆบดเบียดไม่ยอมห่าง แฮร์รี่นับถอยหลังช้าๆในใจแต่ไม่รู้ว่ากำลังถอยหลังไปสู่อะไรกันแน่ระหว่างสานภารกิจต่อด้วยการฟาดคนที่กำลังกินปากเขาให้สลบแล้วไปตามหาเพชร
หรือ...ภารกิจที่ต้องสานต่อบนเตียงกับชีคหนุ่ม...
ดวงตาสีมรกตปรือขึ้นช้าๆ...หางตาเขาเหลือบไปเห็นชายหนุ่มในชุดโต๊ปกำลังย่องเข้ามาช้าๆพร้อมด้วยภาษามือที่โบกไปโบกมาแต่หาคำแปลไม่ได้
แม้จะไม่ค่อยแน่ใจนักแต่แฮร์รี่ก็ยังไม่ยอมละริมฝีปากออกมาจากคนที่เขานั่งซ้อนตักอยู่
ซ้ำยังตะโบมจูบชีคหนุ่มมากขึ้นจนอีกฝ่ายตอบสนองกลับมาอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน
“อืมมมมมม” เสียงครางของแฮร์รี่เล็ดรอดออกมาจากลำคอ
ดวงตาสีมรกตถลึงมองคนที่ค่อยๆคลานมาตามพื้นที่ปูด้วยพรมเปอร์เซียราวกับจะบอกว่า ‘จะทำอะไรก็รีบๆทำ
โดนจูบจนปากจะหลุดอยู่แล้วเห็นไหม?’
เซนกลอกตาขึ้นด้านบนอย่างอดไม่อยู่...เขาเองก็อยากจะเถียงกลับไปทางสายตาเหลือเกินว่า
‘รีบอยู่เห็นไหม
แต่ชุดมันยาวนะ! เห็นใจกันบ้างซิ!!!’ เซนคลานมาจนถึงหลังโซฟาที่มีคนสองคนกำลังแลกริมฝีปากกันอยู่บนนั้นแล้วหยุดอยู่ด้านหลังห่างไปไม่ถึงเมตรด้วยซ้ำ
เรียกได้ว่าทำการอุกอาจระยะประชิดเลยก็ว่าได้
สงครามสายดูเหมือนจะหาคนแพ้คนชนะไม่ได้ เซนเองก็เบื่อจะทะเลาะกันทางสายตาแล้วเขาจึงชูของในมือให้แฮร์รี่ดู
และดูเหมือนว่าแฮร์รี่จะเข้าใจได้ในทันทีที่เห็นของในมือของคนที่นอนหมอบอยู่บนพื้นพรม
เจ้าของดวงตาสีเขียวเริ่มตะโบมจูบริมฝีปากสีซีดของชีคหนุ่มอีกครั้ง
เขาบอกตามตรงเลยว่านี่มันเป็นการจูบที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว
แถมยังเป็นการจูบกับผู้ชายเป็นครั้งแรกอีกต่างหาก...เสร็จงานนี้เมื่อไหร่แฮร์รี่สาบานเลยว่าจะไปขอน้ำมนต์จากโบสถ์ในลอนดอนมาบ้วนปากให้สะอาดเรี่ยม
“อื้มมมม” เซนถลึงตาใส่คนสองคนที่กำลังจูบกันอย่างดุเดือด
อยากจะขัดจังหวะด้วยการตะโกนอัดหูว่า ช่วยจูบกันแบบไม่มีเสียงได้ไหมครับคุณ!! มากๆ เพราะเสียงริมฝีปากที่กำลังคละเคล้ากันนั้นกำลังกวนสมาธิของเขาจนมือทั้งสองที่กำลังเตรียมอุปกรณ์อย่างรีบเร่งนั้นสั่นเทิ้มไปหมด
‘กดไว้!’ แฮร์รี่อ่านปากเซนได้อย่างนั้น ก่อนจะออกแรงตรึงร่างของชีคหนุ่มเอาไว้กับโซฟา
ส่วนคนที่โดนกดนั้นดูจะชอบใจไม่น้อยเลยกับความร้อนแรงของแฮร์รี่
เจ้าของดวงตาสีเขียวอยากจะผละออกจะแย่อยู่แล้วแต่ก็ทำไม่ได้เพราะต้องตรึงร่างทั้งร่างของชีคหนุ่มให้นิ่งมาที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
ปลายเข็มแสตนเลสที่ยาวเกือบๆสองนิ้วค่อยๆจ่อเข้าที่หัวไหล่ของชีคหนุ่ม
วัตถุสีเงินรูปร่างคล้ายๆปืนนั่นคือเครื่องฉีดยาสลบ
ซึ่งมีหลอดสำหรับใส่ของเหลวอยู่ตรงส่วนท้าย
การทำงานคล้ายๆกับปืนฉีดน้ำ...แค่เหนี่ยวไกกดค้างเอาไว้ลูกสูบก็จะทำการฉีดของเหลวที่บรรจุอยู่ในหลอดออกมา
ทันทีที่เข็มแทงผ่านชั้นผ้าของชุดโต๊ปแล้วปักลงกับท่อนแขนกำยำของชีคมูบาร็อกเซนก็เหนี่ยวไกอย่างรวดเร็ว
แม้เจ้าของร่างกำยำจะพยายามดิ้นหนีทันทีที่รู้สึกได้ถึงความเจ็บก็ดูจะไม่ทันเสียแล้ว
เพราะของเหลวทั้งหมดถูกฉีดพรวดเดียวเข้าไปอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
อีกทั้งยังมีน้ำหนักของแฮร์รี่ทับอยู่ด้านบนจนขยับไม่ได้อีกต่างหาก
“นี่พวกท่านทำอะไรกับ...” ยังไม่ทันจะพูดได้ครบประโยคดวงตาคมเข้มก็ปรือลงอย่างช้าๆ
ก่อนชีคหนุ่มจะผล็อยหลับอยู่ตรงโซฟา
“ฝันดีครับท่านชีค”
เซนว่าติดตลกก่อนจะหันมามองคนที่ผละมายืนหอบอยู่ตรงหน้าร่างที่หลับไม่ได้สติ
แฮร์รี่ถลึงตามองเซนอย่างเอาเรื่องแต่เหนื่อยเกินกว่าจะเค้นคำพูดออกมา
เพราะการจูบที่ยาวนานนั่นทำเอาเขาแทบจะลืมวิธีหายใจไปเลย
“นี่หรอแผนดีดีที่ว่า!”
เจ้าของดวงตาสีมรกตเริ่มเหวใส่อีกฝ่ายทันทีที่กลับมาหายใจได้อย่างปกติ
เซนพยายามแล้วที่จะไม่มองริมฝีปากสีสดที่บวมเจ่อน้อยๆนั่นแต่สายตาเขาก็พาลจะจับจ้องไปยังเรียวปากสีเชอร์รี่ฉ่ำวาวคู่นั้นทุกที
กว่าจะดึงสติตนเองกลับมาได้ก็ตอนที่โดนแฮร์รี่เตะเข้าที่หน้าแข่งนั่นแหละ
“โอ๊ย! นี่แหละแผนที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้แล้ว...อูยยยย”
“ผมเกือบจะโดนปล้ำอยู่แล้ว! ถ้าคุณมาช้าอีกนิดผมสาบานได้เลยว่าผมจะตามไปปาดคอหอยคุณแน่ๆ...”
แฮร์รี่ชี้หน้าคาดโทษ เขาหมุนตัวแล้วก้าวเร็วๆไปยังเตียงนอนหลังใหญ่โดยมีเซนเดินตามไม่ห่าง
“โดนปล้ำ? ไม่ใช่คุณสมยอมหรอกหรอ...ดูดปากกันซะขนาดนั้น! เหอะ!! ไอ้เรารึเจอศึกหนักอยู่ข้างนอก
ทหารองครักษ์นั่นตัวใหญ่กว่าชีคหื่นนี่ตั้งเยอะต้องปล้ำอยู่นานกว่าจะฉีดยาสลบได้
แล้วนี่อะไร...กลับเข้ามาเจอว่าจูบกันอย่างดูดดื่มนี่งานยากตรงไหนไม่ทราบครับคุณนักโจรกรรมบอกผมหน่--”
ยังบ่นไม่ทันจบดีต้นคอของเขาก็ถูกฉวยอย่างแรง
ก่อนริมฝีปากสีสดที่เขาเผลอจ้องอยู่เมื่อครู่จะประกบลงมาอย่างรวดเร็ว
เซน จาร์วาร์ด มาลิค
กำลังนิ่งค้างอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก...เขากำลังบ่นอยู่แล้วนี่อะไร? อยู่ๆก็ถูกรั้งต้นคอลงไปแล้วยังไงต่อ...ความอุ่นซ่านบนริมฝีปากนี้คือของจริงอย่างนั้นหรือ?
แล้วความหวานล้ำนี้เล่า...มันคือริมฝีปากหรือรัมย์องุ่นที่เขาโปรดปราณนักหนากันแน่?
ในหัวสมองมึนงงและเริ่มกระจัดกระจายจนไม่อาจประติดประต่อเรื่องราวได้
แม้ว่าอีกฝ่ายจะผละริมฝีปากออกไปได้ครู่หนึ่งแล้วเขาก็ยังคงนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น
“พูดมากน่ารำคาญ...” เซนจำได้ว่านั่นคือเสียงของแฮร์รี่
แต่เหมือนกับมันจะเป็นเสียงที่เบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน
หรือเพราะในหูเขามันอื้ออึงไปหมดจึงไม่อาจฟังจับใจความคำพูดของอีกฝ่ายได้เลย
แฮร์รี่ก้าวไปยืนข้างๆเตียงทางด้านหนึ่งก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแล้วค่อยๆเอนหลังนอนลงกับพื้นพรม
เขาไถลตัวเข้าไปใต้เตียงอย่างช้าๆก่อนจะหยุดเมื่อถึงจุดหนึ่ง
มือขาวค่อยๆไล้ไปตามแผ่นไม้หนาที่ใช้ทำเตียง
สัมผัสที่แตกต่างบอกเขาว่าเขาเจอของที่ต้องการแล้ว
มือขาวออกแรงกดลงไปจนเสียงคลิ๊กดังเบาเบาแล้วแผ่นไม้ก็เปิดออก...มันเป็นกลไกง่ายๆที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงหลังใหญ่
แฮร์รี่ล้วงมือเข้าไปในช่องว่างของแผ่นไม้
ก่อนจะคลำไปจนเจอถุงกำมหยี่ที่ซ่อนอยู่ในช่องเล็กๆนั่น
ฝ่ายคนที่ยืนมองอยู่แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
หรืออาจจะเป็นเพราะเขาพูดอะไรไม่ออกก็เป็นได้...ดวงตาสีน้ำตาลทองเสมองไปทางอื่นเมื่อคิดขึ้นได้ว่าเขาเผลอจ้องเรียวขาขาวๆของอีกฝ่ายที่โผล่พ้นออกมาจากเตียงนานเกินไปแล้ว
ทางนั้นเองก็ดูจะไม่ใส่ใจเลยว่าถ้าหากชันขาขึ้นอย่างนั้นชุดแล้วชุดที่มันแทบจะเรียกได้ว่าเศษผ้านั่นจะเปิดไปถึงไหนต่อไหน...
“ได้แล้ว!” แฮร์รี่พูดขึ้นมาจากใต้เตียงก่อนจะค่อยๆขยับออกมา
เจ้าของดวงตาสีมรกตผุดลุกขึ้นมายืนเต็มความสูงพร้อมกับชูถุงกำมะหยี่สีดำสนิทให้คนตรงหน้าดู
มือขาวค่อยๆดึงเชือกคลายออกจากกันแล้วเทของที่อยู่ด้านในออกมาวางไว้บนฝ่ามือ...อัญมณีล้ำค่าในมือขาวๆกำลังล้อแสงไฟภายในห้องจนส่องประกายระยับ
แต่เซนกลับรู้สึกว่าดวงตาสีเขียวของอีกฝ่ายกลับสวยกว่าเพชรเม็ดนั้นเป็นไหนๆ
“แล้ว...คุณจะทำยังไงกับมัน?”
“ผมจะเอามันกลับอังกฤษ...แล้วล้างมลทินให้ทวดของผม...ผมจะส่งมันคืนแก่ควีนแล้วบอกทุกคนว่าคุณทวดผมไม่ได้เป็นคนขโมยมันมาขายอย่างที่ทุกคนเข้าใจ...”
“หมายความว่ายังไงที่ว่าทวดคุณไม่ได้ขโมยมา?”
“คุณอยากจะรู้ตอนนี้แล้วให้ชีคนั่นตื่นมาลากเราลองคนไปตัดหัว
หรือคุณจะไปฟังเรื่องนี้ทีหลังเมื่อเราออกจากที่นี่ไปได้แล้ว?” แฮร์รี่ถามขึ้นพร้อมกับเก็บเพชรควีนฮาร์ทใส่กลับเข้าไปในถุงกำมะหยี่
ดวงตาสีมรกตทอดมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าแล้วถอนหายใจออกมาเบาเบา
“เฮ้ๆ ถอนหายใจใส่กันแบบนี้หมายความว่ายังไงครับคุณ?”
“เปล่า...ผมแค่กำลังคิดว่าเพราะคุณแท้ๆงานผมเลยสำเร็จง่ายขึ้น...”
แม้คุณจะทำเสียเรื่องไปบ้างก็ตาม...
“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว!
แต่ตอนนี้ผมว่าเราออกจากที่นี่กันก่อนดีกว่า...ถึงยาสลบที่ผมใช้จะแรงพอให้หลับไปได้หนึ่งวันเต็มๆแต่รอบคอบไว้หน่อยก็ดี...”
เซนว่าพร้อมกับเดินนำแฮร์รี่ออกไปจากห้อง
ทั้งสองก้าวเท้าเร็วๆไปตามทางเดินแต่ไม่ได้กลับไปทางด้านหน้าวังอย่างเช่นตอนเข้ามา
แฮร์รี่เดินตามหลังคนตรงหน้าไปเงียบๆจะมาโผล่ที่ท้ายวัง
“เราจะไปไหนกัน?”
แฮร์รี่ถามขึ้นเมื่อเซนเดินย่องไปทางคอกม้าที่มีม้าอาหรับพันธุ์ดีหลายตัวถูกขังเอาไว้
“ผมจะพาคุณสัมผัสกับวิถีที่แท้จริงของทะเลทรายยังไงล่ะ...”
...
..
.
แฮร์รี่ เอ็ดเวิร์ด สไตลส์
ไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้มาอยู่บนหลังม้าอาหรับพันธุ์ดี(ถึงแม้ว่ามันจะเป็นม้าที่ขโมยมาก็เถอะ)ที่กำลังวิ่งทะยานไปบนทะเลทรายอันกว้างใหญ่
เมื่อหลายเดือนก่อนเขายังอยู่ที่อังกฤษ...เมื่อหลายเดือนก่อนเข้ายังเป็นนักโจรกรรมที่ถูกออกหมายจับในคดีโจรกรรมหลายๆคดีที่เกาะอังกฤษ...แต่ตอนนี้เหมือนทุกๆอย่างมันถูกพัดหายไปพร้อมกับสายลมที่กำลังปะทะใบหน้า...
เพชรควีนฮาร์ทในมือเขาคือเครื่องยืนยันอิสรภาพ...ทันทีที่ส่งมอบมันแก่ควีน
คุณทวดเขาจะหลุดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา
และเขาจะได้รับการอภัยโทษจากคดีโจรกรรมต่างๆที่ก่อเอาไว้...ก็ช่วยไม่ได้
คดีโจรกรรมส่วนใหญ่ที่เขาทำก็ล้วนแล้วแต่ทำไปเพื่อล้างมลทินให้ตระกูลทั้งนั้นไม่ได้มีเจตนาจะทำเพื่อเงินทองใดใดทั้งสิ้น
ดูเหมือนควีนเองก็จะเข้าใจในจุดนั้นจึงเสนอให้เขามานำเพชรควีนฮาร์ทกลับคืนสู่ที่ที่มันควรจะอยู่แลกกับการล้างประวัติอาชญากกรม...แต่เห็นทีการมาปล้นเพชรควีนฮาร์ทในครั้งนี้จะเป็นเรื่องที่หนักที่สุดเท่าที่เคยเจอมาแล้ว
อาชาสายเลือดอาหรับห้อตะบึงไปบนผืนทรายที่กว้างใหญ่
กีบเท้าแข็งแรงย่ำลงบนผิวหน้าของผืนทรายอย่างรวดเร็วเสียจนคาฟีย่าห์ของชายหนุ่มหน้าคมพลิ้วสะบัด
อาชาตัวโตควบไม่หยุดราวกับมันกำลังยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้อิสระในการวิ่งหลังจากถูกขังอยู่ในคอกมาเนิ่นนาน
ไม่นานนักหลังจากควบมาด้วยความเร็วคนที่กุมบังเหียนก็สั่งให้มันลดความเร็วลงเป็นการวิ่งเหยาะๆไปบนชายหาดแทน
ดวงตาสีมรกตทอดมองไปยังผืนทะเลตรงหน้า
เขาจำแทบไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่ได้ไปทะเลคือตอนไหน...แต่ยังคงจำกลิ่นเกลือที่ลอยคลุ้งไปในอากาศได้เป็นอย่างดี
แฮร์รี่หลับตาแน่นแล้วสูดกลิ่นทะเลเข้าเต็มปอดอย่างโหยหา
ทะเลทำให้เขานึกถึงวัยเด็ก วัยที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย
ไม่ต้องรับผิดชอบภาระหน้าที่อันแสนสาหัส...แต่ถึงยังไงมันก็เป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่เรียกคืนมาไม่ได้เท่านั้น
ทำได้เพียงระลึกถึงแล้วคอยเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าในวันนี้เขาได้เติบโตขึ้นแล้ว
“คลุมไว้ซิ....” เสียงนุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง
เป็นอีกครั้งที่เซนสละคาฟีย่าห์ผืนใหญ่มาให้เขาใช้ต่างผ้าคลุม
แฮร์รี่กล่าวขอบคุณเบาเบาแล้วรับผ้าฝ้ายผืนใหญ่มาคลุมร่างเอาไว้
เขาเพิ่งมารู้สึกตัวว่าอยู่ในท่าที่เหมือนกับกำลังถูกกอดจากด้านหลังก็ตอนนี้เอง
เพราะว่าเขาขี่ม้าไม่เป็นและไม่คิดจะขี่ด้วย สุดท้ายเซนจึงขโมย(เจ้าตัวบอกว่าแค่ขอยืม)ม้าออกมาเพียงตัวเดียวก่อนจะบังคับให้แฮร์รี่ขึ้นนั่งด้านหน้าและตนเองเป็นคนกุมบังเหียนอยู่ด้านหลัง
“ขี่ม้านี่ก็สนุกเหมือนกันเนอะ...”
แฮร์รี่พูดพร้อมกับลูบแผงขนสีดำขลับของม้าตัวโต มันส่งเสียงครางราวกับกำลังพึงพอใจ
“ไว้ผมจะสอนขี่...ถ้าคุณอยู่ต่อล่ะก็นะ...”
“เห็นทีจะไม่ได้...ผมต้องรีบกลับอังกฤษเพื่อเอาเพชรไปคืนแก่ราชินี”
“นั่นซินะ...” เซนยอมรับได้ง่ายๆ
เพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายก็มีเรื่องให้ต้องกลับไปทำ
“เรื่องคุณทวดผม...คุณอยากฟังไหม?”
แฮร์รี่เปลี่ยนเรื่องเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูจะเงียบๆไป
ความจริงแล้วเขาก็อยากจะอยู่ต่ออีกซักหน่อยแต่ก็อยากจะส่งมอบเพชรให้จบๆไป
เขาจะได้เป็นอิสระจากตราบาปที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่นเสียที
“ถ้าคุณอยากเล่าผมก็ยินดีที่จะฟัง”
“ผมไม่แน่ใจหรอกว่ามันคือช่วงไหน...แต่เรื่องมันเกิดตอนรุ่นทวดของผม
เพชรควีนฮาร์ทถูกขโมยออกมาจากพระราชวังโดยสาวใช้คนหนึ่งซึ่งมารู้ทีหลังว่าเธอคือคนของพ่อค้าตลาดมืดแถบตะวันออกกลาง...”
เซนคิดว่านั่นคือเหตุผลที่แฮร์รี่ไม่ค่อยไว้ใจเขาเท่าไหร่นัก... “เธอเอาเพชรไปซ่อนไว้ในหีบผ้าที่จะทำการขนลงเรือไปข่ายแถบตะวันออกกลาง...”
เซนเป็นผู้ฟังที่ดี และเขาพอจะเดาออกว่าทวดของคนตรงหน้าคงจะเป็นพ่อค้าขายผ้าชาวอังกฤษ
แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา...ทำเพียงเงียบฟังและคุมม้าตัวโตให้เดินเหยาะๆไปตามชายหาดทะเลอาหรับที่ทอดยาวสุดสายตา
“...”
“คุณทวดผมขนผ้าพวกนั้นไปขายโดยที่ไม่รู้ว่ามีเพชรอยู่ในนั้นด้วย...จนกระทั่งท่านบังเอิญไปเจอมันอยู่ในหีบผ้าตอนที่กำลังตรวจเช็คสินค้าก่อนที่เรือจะเทียบท่า...ท่านรู้ได้ทันทีว่ามันคือควีนฮาร์ท
เพราะทวดของผมเคยตัดชุดถวายราชินีหลายครั้งตอนที่มีงานสำคัญๆ
หลายๆชุดถูกสั่งตัดเพื่อให้เข้ากับมงกุฎ...และคุณทวดผมเคยเห็นของจริงกับตาหลายครั้ง...ผมยังจำใบหน้าของคุณทวดตอนที่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังได้อยู่เลย
เรื่องที่แม้จะเล่าเป็นร้อยๆครั้งผมก็ฟังได้อย่างไม่มีเบื่อ...ท่านมีความสุขมากกับการเล่าว่าผ้าสีไหนที่เข้ากับมงกุฎของควีนมากที่สุด...”
“ใช่...คุณทวดเอาเพชรไปซ่อนไว้ในที่ที่หนึ่ง...ท่านเขียนเกมอักษรรหัสให้ผมหนึ่งชุด
มันเป็นเกมที่ผมกับคุณทวดชอบเล่นด้วยกันตอนผมเด็กๆ...เกมล่าสมบัติอะไรเทือกนั้น...”
แฮร์รี่หวนนึกถึงน้ำเสียงอ่อนโยนของคุณทวดซึ่งชราภาพมากแล้วในตอนที่เขาเรียนอยู่ชั้นไฮสคูล
‘แฮร์รี่...หลานเป็นคนฉลาด วันหนึ่งข้างหน้าถ้าหากหลานสงสัยในความบริสุทธิ์ของทวด
หลานจงเอาเกมอักษรรหัสนี่ออกมาไขแล้วทำตามคำใบ้...ทวดเชื่อว่าหลานจะต้องเป็นคนที่ทำจนสำเร็จ...’ แฮร์รี่ในวัยสิบเจ็ดปีไม่เข้าใจคำพูดเหล่านั้นมากนัก
เขาได้แต่ร้องไห้จนตาแดงก่ำกับการจากไปของบุคคลที่เขารักที่สุด
กระดาษที่คุณทวดส่งให้ถูกเก็บไว้ในซอกในสุดของลิ้นชักโดยที่เขาไม่คิดจะหยิบมันออกมาอีก
จนกระทั่งวันที่เขารู้ว่าตระกูลของเขาถูกกล่าวหาจากความผิดที่ไม่ได้กระทำกระดาษเก่าๆใบนั้นจึงถูกหยิบออกมาอีกครั้ง
เมื่อแก้รหัสคำใบ้จนครบมันก็ชี้ทางเขามาสู่ที่ซ่อนควีนฮาร์ทบนแผ่นดินนัฟตาอันยิ่งใหญ่แห่งนี้
“ข้อความบนกระดาษแผ่นนั้นคือที่ซ่อนควีนฮาร์ท...ผมตามไปเอามาจากที่ซ่อนแล้วเอาเข้าไปซ่อนไว้ในวังอัล-ฟาบีย่าห์
เพราะคิดว่ามันคงเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดถ้าหากอยู่ในวังที่มีการอารักขาอย่างแน่นหนา
ชีคอับบาซเป็นใหญ่ที่สุดในตอนนั้นและท่านก็ชอบเกมอักษรรหัสมาก
ครั้งหนึ่งท่านเคยคิดอักษรรหัสแล้วประกาศว่าถ้าใครแก้รหัสอักษรได้จะได้รับเชิญเป็นแขกพิเศษของท่าชีคหนึ่งวัน...ผมคงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าผมเข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์ได้ยังไง?”
เซนดูเหมือนจะไม่ประหลาดใจมากนัก เขาทำเพียงหยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
“แล้วคุณจะกลับอังกฤษเมื่อไหร่?”
“เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้...เพราะเราสองคนร่วมกันก่อคดีอีกแล้ว
ผมคิดว่าชีคมูบาร็อกคงไม่ปล่อยให้เราลอยนวลกันนานนักหรอก...”
“หึหึ...เขาไม่กล้าทำอะไรผมหรอก...” เซนว่าด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
แฮร์รี่เอี้ยวตัวไปมองคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง
ใบหน้าคมเข้มประดับไปด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเจ้าตัวกำลังสนุกสนาน
“หมายความว่ายังไงที่ว่าเขาไม่กล้าทำอะไรคุณ?”
“งั้นผมคงต้องแนะนำตัวกับคุณใหม่อีกครั้ง
คราวนี้เอาแบบเต็มๆเลยดีไหม?”
“ผมรอฟังอยู่...”
“สวัสดีคุณสไตลส์...ผมชื่อ เซน จาร์วาร์ด บินอับดุลซารีฟ จอร์เกีย
มาลิค...ชีคแห่งเบดูอินทั้งมวล...”
“เดี๋ยวนะ! นี่หมายความว่าคุณ...” แฮร์รี่เบิกตามองคนพูด
ตอนนี้เขาคิดคำพูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว ชาวเบดูอินไม่ได้มีจำนวนน้อยๆ
แต่โดยมากจะกระจัดกระจายเป็นกลุ่มเล็กๆเร่ร่อนไปทั่วทะเลทรายด้วยรูปขบวนที่เรียกว่ากองคาราวาน
กับคนที่ถูกยกให้เป็นผู้นำของชาวเบดูอินทั้งมวลนั้นจะบอกว่าธรรมดาก็คงไม่ได้
หากลองเรียงบรรดาศักดิ์กันดีดีแล้วคนด้านหลังเขาสามารถถูกเรียกได้ว่าเป็นกษัตริย์ของชาวเบดูอิน...แบบนี้มูบาร็อกยังเทียบไม่ติดฝุ่นเลยด้วยซ้ำ!
“คือความจริงผมก็ไม่ได้อยากจะเป็นเท่าไหร่หรอกนะไอ้ตำแหน่งชีคอะไรนี่...ผมชอบขายของมากกว่า
มันสนุกกว่ากันเยอะเลย แต่มันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
ผมสืบเชื้อสายโดยตรงจากผู้นำอันเป็นที่เคารพของชาวเบดูอินทั้งมวล
ผมจึงต้องสืบทอดตำแหน่งนี้ต่อ...จำเหรียญที่ผมเคยเอาให้ดูได้ไหม?
ความจริงแล้วมันคือเหรียญตราที่บอกทุกคนว่าผมคือใคร...นั่นเป็นเหตุผลที่เบดูอินทุกกลุ่มจะยินดีต้อนรับผมเป็นแขกไม่ว่าจะในเวลาไหน...ทั่วทั้งทะเลทรายแห่งนี้คือถิ่นของพวกเราชาวเบดูอิน...”
เซนเล่าออกมาง่ายๆอย่างกับกำลังพูดว่า ‘เฮ้! วันนี้ท้องฟ้าสวยดีนะ’ แต่แฮร์รี่จนคำพูดอย่างแท้จริง...เขาทั้งสับสน
มึนงงและโมโหเล็กน้อย
นี่หมายความว่าตลอดเวลาเขาโดนหลอกมาโดยตลอด...คนที่สามารถเดินเข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์ได้ง่ายๆอย่างหมอนี่กลับมาวางแผนให้เขาแต่งตัวบ้าบอเพื่อเข้าวังเนี่ยนะ?!! แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆเลย!
“นี่คุณแกล้งให้ผมแต่งตัวแบบนี้เข้าวังทั้งๆที่คุณจะเดินโท่งๆเข้าไปเลยก็ได้เนี่ยนะ!!!”
“ผมไม่ได้แกล้งคุณนะ!
ผมบอกแล้วว่าผมรักการเป็นพ่อค้ามากกว่าการทำหน้าที่สูงศักดิ์อะไรนั่น...เพราะฉะนั้นมันก็ไม่แปลกที่ผมจะไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง...ถ้าชีคมูบาร็อกได้รู้ว่าผมเป็นใครเขาเองก็คงช็อคแบบคุณนี่แหละ”
เซนยักไหล่ด้วยท่าทางกวนประสาท แฮร์รี่นึกอยากจะฟาดอีกคนขึ้นมาตงิดๆ
แต่ทำได้เพียงนั่งกำหมัดแน่นด้วยความหมั่นไส้
“คุณมันจอมปลิ้นปล้อนต่างหาก!”
“แค่นี้ชื่อผมก็ยาวพอแล้ว...คุณจะยังเติมชื่อให้ผมอีกหรอ?” เซนว่าก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนาน
แต่คนฟังไม่สนุกไปด้วย
แฮร์รี่เอี้ยวตัวกลับมาหาคนด้านหลังหมายจะชกคนที่หลอกต้มเขาเสียเปื่อยเพื่อระบายความแค้น
แต่เขากลับเคลื่อนไหวได้อย่างยากลำบากยามอยู่บนหลังม้า
แขนขาวถูกคนที่นั่งด้านหลังรวบเอาไว้ทั้งสองข้าง ท่อนแขนแกร่งรัดรอบเอวแฮร์รี่เพื่อจำกัดอิสรภาพของอีกฝ่าย
แฮร์รี่พยายามแล้วที่จะขืนตัวออกแต่เขากลัวจะตกจากม้าจนได้แผลเลยดิ้นได้ไม่มากนัก
“ปล่อย...อย่าคิดว่าเป็นชีคแล้วผมจะไม่กล้าทำอะไรคุณนะ!”
“ผมรู้ว่าคุณกล้าทำแน่...ผมเลยจะไม่ปล่อย...”
เสียงทุ้มกระซิบยั่วประสาทที่ข้างหู แฮร์รี่ย่นคอหนีเมื่อลมหายใจร้อนๆปะทะแผ่วเบาที่ข้างแก้ม
ใบหน้าขาวผ่องซับสีเลือดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ความอดทนผมมีไม่มากนะ...ถ้าคุณไม่ปล่อยผมจะ---”
ยังพูดไม่ทันจบใบหน้าขาวของแฮร์รี่ก็ถูกมือแกร่งเกี่ยวรั้งให้หันมาหา ก่อนริมฝีปากสีซีดของเซนจะประกบลงมาอย่างรวดเร็ว...คราวนี้แฮร์รี่ไม่ได้ผละออกหรือพยายามดิ้นหนีสัมผัสนั้น
เขายอมให้ริมฝีปากร้อนๆของคนข้างหลังนั้นได้เลาะเล็มไปตามริมฝีปากของเขาอย่างอ้อยอิ่ง
ก่อนเซนจะเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกไปเองเมื่อได้จูบจนพอใจ
“ผมเอาคืนเรื่องในห้องชีคมูบาร็อก...”
เซนพูดด้วยน้ำเสียงชวนฟัง...แฮร์รี่นึกอยากจะด่าแต่จนคำพูดเมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของคนหน้าเข้ม
เขาเชื่อเลยว่าคงมีผู้หญิงมากมายพ่ายแพ้ให้กับเสน่ห์อันเหลือร้ายของเซน
จาร์วาร์ด มาลิค คนนี้
และเขาก็เริ่มกลัวว่าตนเองจะกลายเป็นหนึ่งในนั้นแล้วด้วย
“อย่าให้ผมมีโอกาสเอาคืนบ้างก็แล้วกัน”
แฮร์รี่คาดโทษ...ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่สุดท้ายแล้วเขาก็เอนหลังซบลงกับแผ่นอกแกร่งของเซนพลางทอดสายตามองไปยังที่ที่ท้องฟ้าจรดกับทะเล
“ก่อนจะเอาคืนผม...เอารางวัลที่เราตกลงกันมาก่อนดีกว่านะ...”
“ได้ทีก็ทวงเชียว...คุณอยากได้อะไรก็บอก
ถ้าผมหาได้จะส่งกลับมาให้จากอังกฤษเลย”
“คุณไม่ต้องส่งกลับมาหรอก...เพราะเดี๋ยวผมจะไปเอาเอง
แล้วห้ามหนีผมไปไหนล่ะเพราะไม่ว่าคุณจะหนียังไงผมก็ตามจนเจออยู่ดีนั่นแหละ...”
“พูดอย่างกับคุณมีที่อยู่ผม...”
“หึหึ...ผมมีกระทั่งที่อยู่ของสามีพี่สาวคุณด้วยซ้ำ...อย่าดูถูกพ่อค้าตลาดมืดมากนักซิคุณสไตลส์”
“พูดมากจริง...ตกลงคุณอยากได้อะไรกันแน่?”
“ก็ผมบอกแล้วว่าผมจะตามไปเอาของรางวัลของผมเอง...เตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน”
เซนว่าพร้อมกับขโมยจูบที่ขมับขาวของคนในอ้อมแขน
ก่อนจะได้รับศอกที่กระแทกเข้าเต็มๆสีข้างเป็นของตอบแทน ก่อนเจ้าของใบหน้าคมจะควบม้าตัวโตให้ออกตะบึงอีกครั้ง
นิทานก่อนนอนที่เล่าขานเรื่องราวของคริสตัลล้ำค่าจากแดนไกลกับพ่อค้าตลาดมืดเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด
ทุกการเดินทางย่อมมีปลายทาง แต่คงจะจริงเช่นที่ใครใครว่าไว้...จุดหมายไม่สำคัญเท่าระหว่างทาง...แฮร์รี่คงจะจดจำคำพูดนั้นไปชั่วชีวิต
เพราะการเดินทางของเขาในครั้งนี้ทำให้เขาได้พบสิ่งใหม่ๆมากมาย...หนึ่งในนั้นคืออิสระที่คว้ามาได้ด้วยตนเอง...และ...
.
.
.
.
.
.
.
.
Afterward
6 Months later
อ็อกซ์ฟอร์ดสตรีทยังคงเป็นอ็อกซ์ฟอร์ดสตรีท
ผู้คนหลั่งไหลเข้ามามากมายอย่างเช่นเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ
หลายๆคนเดินทางไกลจากเอเชียเพื่อมาสัมผัสวิถีชีวิตที่แท้จริงแบบอังกฤษ
แต่กับคนบางคนที่อยู่มาตั้งแต่เกิดกลับอยากจะหนีออกจากความวุ่นวายนี้ไปให้ไกลแสนไกล
ดวงตาสีมรกตเหลือบมองครอบครัวหนึ่งที่เดินสวนไป...ครอบครัวนั้นประกอบไปด้วยพ่อแม่และลูกๆ
ทุกคนแต่งกายแบบอาหรับ...ซึ่งมันทำให้คนที่เหลือบตามองหวนนึกถึงอากาศร้อนๆและทะเลทรายที่เขาเคยไปเหยียบ
ตึกรามบ้านช่องที่ปลูกแน่นเบียดเสียดขนัดในเมืองหลวงของอังกฤษเทียบไม่ได้เลยกับความเวิ้งว้างกว้างใหญ่ที่ไกลสุดลูกหูลูกตาของทะเลทรายสีทองอร่าม
เขายังจำได้ดีถึงความรู้สึกตอนที่สายลมเจือกลิ่นผืนสายปะทะเข้ากับใบหน้ายามอยู่บนหลังอาชาสายพันธุ์ชั้นยอด
เสียงกีบเท้าตะกุยทรายและความอบอุ่นที่ทาบทับอยู่บนแผ่นหลัง
เจ้าของดวงตาสีเขียวเผลอยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่...เขาเร่งฝีเท้าพลางกระชับของในอ้อมกอดให้แน่นขึ้นโดยไม่สนใจว่าจะมีสายตากี่คู่ที่กำลังจับจ้องมาที่เขาอย่างสนอกสนใจ
ใบหน้าขาวๆยังไม่อาจหยุดยิ้ม...เพราะเขากำลังนึกถึงหลายๆเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเองเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา
ทั้งดีและไม่ดีคละเคล้ากันแต่ทุกๆอย่างมันติดอยู่ในความทรงจำไม่เลือนหายไปไหน
โดยเฉพาะใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของคนที่ให้สัญญาเอาไว้ว่าจะมาทวงคืนของรางวัลที่เจ้าตัวสมควรได้รับหลังจากช่วยเขาทำภารกิจจนลุล่วง
แฮร์รี่ไขกุญแจเข้าไปยังบ้านของตนเองที่เช่าอยู่แถวๆโซนสาม
มันเป็นอาคารเก่าๆที่สูงสองชั้นครึ่ง หน้ากว้างไม่เกินสิบเมตรพื้นที่ใช้สอยขนาดเล็กเป็นแบบตอนลึก
อาคารเหล่านี้ตั้งเรียงกันเป็นทิวแถวยาวไปจนสุดสายตา
โดยมากเป็นอาคารที่ปลูกสร้างขึ้นจากอิฐสีแดงตามแบบดั้งเดิม
ที่ด้านหน้ามีบันไดเล็กๆและราวบันไดเหล็กดัด ในส่วนของค่าเช่านั้นเงินเดือนพนักงานเดินเอกสารก็พอจะจ่ายไหว
ถึงมันจะเก่าจนดูโทรมไปบ้างแต่ค่าเช่าก็ยังถือว่าถูกกว่าหลายๆแห่ง
ทันทีที่เข้าไปด้านในได้แฮร์รี่ก็ตรงเข้าครัวทันที
เขาลงมือทำอาหารจากของที่ไปซื้อมา...แฮร์รี่คิดว่าเมนูเสต็กคงเหมาะแก่การรับแขกมากที่สุด
เขาได้เนื้อแกะชั้นยอดมาจากร้านที่รู้จักทางนั้นลดราคาให้เป็นพิเศษเพราะเขาใช้ลูกไม้นิดหน่อย...จะใช้คำว่า
‘อ่อย’ แฮร์รี่ก็กลัวจะตรงไปเลยใช้คำว่า ‘อ้อน’ จนได้เนื้อแกะราคาพิเศษมาก็แล้วกัน
เขาไม่เคยทำอาหารมื้อใหญ่ขนาดนี้มาก่อน...เขามักจะทำอะไรง่ายๆสำหรับทานคนเดียวหรือบางครั้งก็ซื้อมาจากร้านอาหารในละแวกที่พัก
ส่วนมากแล้วอาหารมื้อใหญ่ๆเขาจะไปทานที่บ้านของพี่สาวและพี่เขยมากกว่าเพราะพี่สาวเขาย้ายเข้าไปอยู่บ้านสามีที่เป็นครอบครัวใหญ่
เวลามีวันพิเศษทีไรเขามักจะถูกเชิญไปเป็นแขกอีกคน
แต่เขาเองก็เกรงใจจึงไม่อยากจะรบกวนบ้านของสามีพี่สาวมากนัก
ครัวเล็กๆคลุ้งไปด้วยกลิ่นอาหารที่ทำเอาชวนหิว...เจ้าของบ้านมองดูผลงานอย่างพึงใจก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนแล้วรีบวิ่งไปอาบน้ำชำระร่างกายอีกครั้ง
ใช้เวลาไม่นานนักแฮร์รี่เดินลงมาจากชั้นบนพร้อมด้วยชุดกึ่งลำลอง...กางเกงแสลคทรงกระบอกเล็ก
กับเสื้อเชิ้ตผ้าซาตินสีอ่อน
มีลูกเล่นตรงปกเป็นริบบิ้นสีดำเส้นเล็กๆที่ผูกเป็นโบว์
เรือนผมสีเปลือกไม้หยักศกเป็นลอนสวยยาวระแผ่นหลัง
เจ้าของดวงตาสีเขียวทอดมองเงาของตนเองในกระจกก่อนจะเปิดยิ้มจนแก้มบุ๋ม
แม้จะพยายามกัดปากฝืนมากแค่ไหนสุดท้ายเขาก็พบว่าเขายังสามารถยิ้มได้ทั้งๆที่กัดปากอยู่อย่างนั้น
แฮร์รี่เดินไปหยิบของอย่างสุดท้ายที่ขาดไม่ได้...ไวน์ชั้นยอดที่ดั้นด้นไปซื้อถึงร้านขึ้นชื่อในอ็อกซ์ฟอร์ดสตรีท
เขาจับมันวางในถังแล้วเติมน้ำแข็งลงไปก่อนจะเดินไปวางไว้บนโต๊ะที่มีอาหารหน้าตาน่าทานวางอยู่ก่อนหน้า
อย่างสุดท้ายคือการจุดเทียนเล็กๆในแก้วก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้สำหรับต้อนรับการมาของคนที่ส่งข้อความมาหาเมื่ออาทิตย์ก่อน...
ดวงตาสีมรกตทอประกายระยิบระยับล้อแสงเทียน
เขากำลังรอเวลาให้กริ่งหน้าประตูถูกกดเสียที...พร้อมกับความคิด...กริ่งหน้าประตูถูกกดจนเสียงดังก้องไปทั่วบ้าน
แฮร์รี่สาวเท้าเร็วจนแทบจะกลายเป็นวิ่งไปยังบานประตูไม้ เขาดึงประตูออกอย่างแรง...
ภาพแรกที่เห็นคือแผ่นหลังกว้างภายใต้เสื้อสูทสีดำสนิท
เรือนผมดำขลับยาวระต้นคอดูเหมือนจะยาวขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกัน
สุดท้ายคือเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่ค่อยๆหันตัวกลับมาหา...ในมือของอีกฝ่ายมีช่อดอกไม้ที่จัดง่ายๆ
แต่แฮร์รี่ไม่ได้สนใจมากนัก เขากำลังจ้องใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนอย่างคะนึงหา
แฮร์รี่ประกบริมฝีปากสีสดเข้ากับริมฝีปากอุ่นของคนหน้าเข้มโดยไม่สนใจว่าทั้งเขาและอีกคนจะกำลังยืนอยู่ริมถนน
เซนเองก็ดูเหมือนว่าเขาโหยหาริมฝีปากคู่นี้เหลือเกิน
เพราะเขาเองที่เป็นคนช่วงชิงลมหายใจของแฮร์รี่อย่างลึกล้ำมากขึ้นทุกขณะ ลิ้นร้อนเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง...จูบที่ห่างเหินไปนานดูเหมือนจะเร่าร้อนขึ้นทุกขณะ
แฮร์รี่กลับมายืนด้วยขาของตนเองทั้งๆที่ยังไม่ละริมฝีปากออกมา
เซนรุกคืบดันร่างแฮร์รี่ถอยขึ้นบันไดไปจนถึงประตูก่อนคนทั้งสองจะหายเข้าไปด้านใน
เซนจับอีกคนพลิกตัวแล้วดันชิดประตูเอื้อมมือไปกดล็อคประตูอย่างรู้งาน
ช่อดอกไม้ถูกวางนิ่งอยู่บนชั้นรองเท้าเป็นอย่างแรก รองเท้าหนังที่กำลังสวมถูกสะบัดออกอย่างไร้เยื่อไยเป็นอย่างต่อมา
เสื้อสูทราคาแพงที่สั่งตัดมาเป็นพิเศษก็ดูเหมือนจะเกะกะจนต้องถอดโยนไปพ้นมือ
ในสงครามจูบครั้งนี้ยังไม่มีใครยอมผละจาก...ริมฝีปากที่ยังคงพัวพันกันและกันเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งสองคนเดินถอยไปเรื่อยๆจนถึงโซฟาตัวใหญ่ในห้องรับแขก
เซนสะดุดพรมจนหงายหลังลงไปนั่งบนโซฟานุ่มตอนไหนก็ไม่อาจรู้ตัว เพราะตอนนี้เขากำลังเพ่งสมาธิอยู่กับการปลดกระดุมเสื้อเนื้อดีของคนที่นั่งซ้อนอยู่บนตัก
ทางแฮร์รี่เองก็ดูเหมือนจะไม่ปล่อยให้เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์
เขาปลดเข็มขัดของคนหน้าเข้มอย่างรีบร้อน
“ความจริง...ผมทำมื้อเย็นเอาไว้...” อยู่ๆแฮร์รี่ก็ผละออกมามองใบหน้าหล่อเหลาของคนที่เขากำลังนั่งซ้อนตัก
เซนหอบหายใจมองใบหน้าที่ขึ้นสีจัดของคนที่นั่งทับตักเขาอยู่
เสื้อของแฮร์รี่ถูกถอดจนมากองอยู่ที่ข้อพับแขน
แผ่นอกขาวๆสะท้อนขึ้นลงอย่างรุนแรงจากการถูกช่วงชิงหายใจด้วยจูบ
เซนสาบานได้เลยว่านั่นเป็นภาพที่น่ามองที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา...
“ไปทานมื้อเย็นกันก่อนก็ได้...เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่คนหน้าคมก็ยื่นหน้าเข้าไปเลาะเล็มริมฝีปากของแฮร์รี่ไม่ยอมหยุด
เขาประทับริมฝีปากไปทั่วใบหน้าขาว...ไม่เว้นแม้แต่ปลายคาง
มือหนาลูบไล้อยู่ที่แผ่นหลังเรื่อยมายังสะโพกกลมกลึงภายใต้กางเกงผ้าเนื้อดี
“ที่บ้านผมมีเครื่องอุ่นอาหาร....”
เซนผละมามองหน้าคนพูด
แฮร์รี่เม้มปากจนเป็นเส้นตรงแต่ถึงอย่างนั้นมุมปากก็กดยิ้มจนเห็นลักยิ้มที่แก้ม
เซนหัวเราะเบาเบาก่อนจะประกบจูบริมฝีปากคนตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง
...
..
.
“งั้น...ไว้ดินเนอร์กันทีหลังคงไม่เป็นไรเนอะ”
เย็นวันนั้น...กว่าทั้งสองจะได้ลงมือทานมื้อเย็นกันแบบจริงจังก็ตอนที่เวลาล่วงเข้าไปถึงห้าทุ่ม
เสต็กเนื้อแกะยังคงรสชาตินุ่มลิ้นแม้จะผ่านการเข้าเครื่องอุ่นอาหาร
รวมไปถึงไวน์ชั้นเยี่ยมที่นอนแช่อยู่ในถังที่น้ำแข็งละลายจนหมด แฮร์รี่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวเดียวที่ติดกระดุมไม่ครบแถมเสื้อยังเป็นของอีกคน
เซนยืนอยู่ตรงระหว่างเรียวขาขาวของแฮร์รี่ในสภาพเปลือยท่อนบน
เขาสวมเพียงกางเกงแสลคที่สวมมาในตอนแรก...ดวงตาสีน้ำตาลทองกำลังจ้องใบหน้าของคนที่กำลังเคี้ยวแครอทต้มจนแก้มตุ่ย
เสียงหัวเราะดังคละเคล้าไปกับเสียงพูดเจื้อยแจ้วของแฮร์รี่ที่กำลังเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน
เซนกดริมฝีปากลงกับหัวไหล่ขาวที่โผล่พ้นคอเสื้อเชิ้ตของเขาซึ่งทางนั้นยึดไปสวม
ก่อนจะค่อยๆเลื่อนริมฝีปากมายังข้างขมับของคนที่กำลังเกี่ยวขารอบเอวของเขาอยู่
มือแกร่งเอื้อมไปเขี่ยปอยผมของแฮร์รี่ไปทัดไว้หลังใบหูขาวที่กำลังซับสีเลือดจางๆเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปกดจูบข้างหูของอีกฝ่าย
ก่อนจะผละกลับมาจ้องดวงตาสีมรกตที่จ้องตอบ
“เฮ้ออออออ คิดไว้แล้วว่าเวลาแค่อาทิตย์เดียวคงไม่พอแน่ๆ...” เซนบ่นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
หกเดือนที่ไม่ได้เจอกัน แต่เขากลับมีเวลาว่างเพียงแค่อาทิตย์เดียวให้ใช้
เขาอยากจะมีเวลาว่างซักปีเลยด้วยซ้ำ...
“หน้าที่ก็ต้องเป็นหน้าที่...เราสไกป์กันเหมือนทุกครั้งก็ได้นี่”
“ผมล่ะอยากจะลาออกจากตำแหน่งชีคจริงๆ” เซนบ่นอุบ หลังจากส่งแฮร์รี่กลับอังกฤษเขาเริ่มทำหน้าที่ชีค(ที่เขาสมควรจะทำตั้งนานแล้ว)อย่างจริงจังไปพร้อมๆกับการเป็นพ่อค้าตลาดมืด
สิ่งแรกคือเขารวมบรรดาเบดูอินจนเป็นปึกแผ่น
ตั้งกฎระเบียบเพื่อควบคุมไม้ให้มีการวิวาทระหว่างกลุ่มเกิดขึ้น
จากนั้นก็ขยายพื้นที่โอเอซิสให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเก่า มีการสนับสนุนการทำเกษตรกรรมเพื่อลดปัญหาการปล้นสะดมและเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
จนกลายเป็นมาเมืองขนาดย่อมๆที่ยังคงวิถีชีวิตแบบเบดูอินคือทุกคนยังอาศัยอยู่ในกระโจมและเดินทางด้วยม้า
ซึ่งทุกอย่างก็ราบลื่นดีและเขาหวังให้มันราบลื่นเช่นนี้ไปนานเท่านาน(เขาจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวคอยตัดสินคดีความระหว่างเผ่าอีก)
“พวกเขาต้องการคุณ...คุณกำลังเริ่มสิ่งใหม่ๆให้พวกเขา
ถ้าคุณเลิกตอนนี้ต้องมีปัญหาตามมาอีกมากมายแน่นอน”
“ผมรู้...ผมรู้...แต่จะให้ทำไงได้ ผมขอร้องให้คุณไปอยู่ด้วยคุณก็ไม่ไป
ผมเลยต้องโหมงานหนักเพื่อเวลาว่างเพียงแค่หนึ่งอาทิตย์ให้ได้มาหาคุณที่นี่...”
“จะให้ผมไปอยู่ด้วยยังเร็วไป...” แฮร์รี่กรีดนิ้วไปตามแผ่นอกสีน้ำผึ้ง
ก่อนจะขยับเรียวขาเกี่ยวเอวอีกฝ่ายให้ใกล้เข้ามาอีก ฟันขาวขบลงกับริมฝีปากพลางช้อนสายตามองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า...ดวงตาสีเขียวฉายแววซุกซนจนคนมองอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้
“นี่คุณสไตลส์ครับ...ยั่วกันแบบนี้อยากจะใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์อยู่แต่ในห้องใช่ไหม?”
“อย่าทำเป็นได้ใจไปท่านชีค...เราสัญญากันแค่ของรางวัลหนึ่งอย่างและคุณก็ได้ไปแล้วด้วย...”
“ก็ใช่ผมได้ของรางวัลไปแล้ว...แต่หลังจากนี้ผมจะปล้นมาต่างหาก” เซนว่าพร้อมรอยยิ้มหล่อเหลา
ก่อนจะช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นมา แฮร์รี่เกี่ยวขารอบเอวสอบของอีกฝ่ายแทบไม่ทัน ดีที่สองแขนแกร่งโอบรอบสะโพกเขาเอาไว้ไม่อย่างนั้นเขาคงร่วงลงไปกระแทกพื้นให้ได้แผล
“ฮะฮะ...” เสียงหัวเราะดังแว่ว ถึงแม้ว่าเวลาเกือบจะเขาสู่วันใหม่อยู่ไม่กี่นาทีข้างหน้าแล้ว
แต่คงไม่มีใครรู้ว่าภายในอาคารหลังเล็กๆนี่คนสองคนกำลังวิ่งไล่จับกันเป็นเด็กๆ ถึงหนึ่งในนั้นจะเป็นถึงผู้นำแสนสุขุมยามอยู่หน้าคนใต้ปกครองก็ตาม
สองแขนแกร่งรวบเอาเอวของคนที่วิ่งหนีเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแล้วแกล้งอีกฝ่ายด้วยการใช้ใบหน้าครึ้มไรหนวดฝังลงกับซอกคนขาวๆ
จนคนถูกแกล้งหวีดลั่นตามด้วยเสียงหัวเราะ
เสียงนั้นคงดังไปอีกค่อนคืนกว่ามันจะสงบลง...เจ้าของบ้านกำลังคิดว่าพรุ่งนี้เช้าเขาอาจจะต้องเขียนป้ายเตือนแปะเอาไว้หน้าบ้าน...
...
..
.
‘Watch out! This house has a THIEF and his WHACKED SHEIKH’
.
END
-TALK-
สวัสดีปีใหม่ค่ะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ!! ถึงจะเลทมาหลายวันแต่ก็อยากสวัสดี
ฟิคเรื่องนี้จริงๆจะส่งประกวดค่ะ...แต่เพราะว่าการประกวดยกเลิกไปเลยคิดว่าจะเอามาให้อ่านกันดีกว่า ดีกว่าปล่อยมันไปเฉยๆ (ตอนจะส่งประกวดก็ตั้งใจจะให้อ่านกันนั่นแหละ ผลพลอยได้คือได้ประกวดด้วย)
เรื่องนี้มีพล็อตมานานแล้วแต่ไม่ได้หยิบมาเขียนต่อ พอดีว่าธีมประกวดตรงเลยคิดว่าจะส่งเรื่องนี้แหละ ต้องขอบคุณการประกวดที่แม้จะยกเลิกไปแล้วแต่ก็ทำให้เราได้ต่งจนจบ
ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่จาดกเราแล้วกันนะ...เพราะเราไม่มีอะไรจะให้...หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ เราตั้งใจมากจริงๆ ใครที่อ่านแล้วคุยกับเราได้ที่แท็ก #สุดผืนทรายปลายขอบฟ้า ค่ะ
*เผื่อคนนึกภาพไม่ออก...
นี่บ้านแฮร์รี่ค่ะ http://i.imgur.com/hXmcnd6.jpg
ส่วนนี่ท่านั่งในครัว =,.= http://i.imgur.com/McWUETF.jpg
มาถึงตรงนี้คงต้องเข้าประเด็นหลักที่สำคัญๆแล้ว...นั่นคือ...
Special Thank! ขอบคุณบุคคลเหล่านี้ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตในปี2015นะคะ
@_MomoMomiji_ เพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด7ปี ปีนี้เข้าปีที่8แล้ว ขอบคุณมากๆที่ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน คอยช่วยเวลาเราลำบาก คอยช่วยคิดพล็อตคิดฟิค นี่รู้ตัวว่าบางครั้งพูดอะไรไม่เข้าหูไปบ้างแต่แกก็ไม่เคยโกรธ...ขอบคุณจริงๆ ปีนี้เราจะมาร่วมติ่งไปด้วยกันอีกนะ
น้องแหม่ม @MAMNCHICHA ที่น้องให้บัตรพี่ไปดูคอนเสิร์ต1Dด้วยกันตอนต้นปี ขอบคุณมากๆ ขอบคุณความติ่งที่ทำให้เราได้เจอกัน ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะพี่ก็ยุ่งแหม่มก็ยุ่ง แต่อยากให้น้องแหม่มรู้ว่าพี่คิดถึงเราตลอดนะ เป็นมิตรภาพดีดีที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ รักกกกกกกกส์
บอทฟิค #เสือเซน ทุกๆคน ตั้งแต่พี่เสือ นังรี่ พี่ลู คุณปลัด จ่าไนล์ เสี่ยจัส เจ้าวาน จ่าลุก ไอ้แอ๊ด ไอ้ล่ำ นังหมาย แม่เจย์ นังน้องเพอร์(ลืมนางต้องตัวใหญ่ๆ) น้องลูกบ้าน บอทโนเนม น้องญาญ่า น้องๆเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตของพี่ในปี2015ที่ผ่านมา ทำให้พี่มีกำลังใจในการแต่งฟิคมากขึ้น น้องๆมีส่วนทำให้ฟิคเรื่องนี้เป็นที่รู้จักและจบบริบูรณ์....ขอบคุณมากๆจริงๆ สุดท้ายนี้อยากบอกเหล่าบอททั้งหลายว่า.... "บอทเล่นใหญ่มาก" 555555555555+
แฟนๆเสือเซนทุกคน ขอบคุณมากๆสำหรับกำลังใจ สำหรับคอมฟีดแบ็คที่มีให้ตลอดมา ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านฟิคง่อยๆอย่างเสือเซน เราไม่รู้จะพูดยังไงแต่ทุกๆคนคือผู้มีพระคุณของเรา มีหลายๆคนที่เราเห็นบ่อยๆ แต่เราอาจจะไม่ค่อยได้คุยกัน...เราเป็นคนประเภทที่เอาแต่รอคนเข้ามาสานความสัมพันธ์ จะไม่ค่อยเริ่มไปสานสัมพันธ์กับใครก่อน ช่วยอดทนกับเราหน่อยนะ...เราไม่ได้หยิ่ง แต่ถึงจุดหนึ่งถ้าเราคิดว่าเราเข้ากันได้ เราจะตามฟอลแน่นอนค่ะ ขอบคุณมากๆที่ยังตามอ่านฟิคเราทุกเรื่อง ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ อยากจะคัดคำว่าขอบคุณซักร้อยจบให้พวกคุณเลยค่ะ...
ขอบคุณฟิคตัวเองจะเป็นอะไรไหมเนี่ย? 555555555+ เพราะฟิคเรื่องนี้ทำให้เราได้เพื่อนใหม่เยอะมาก....ทั้งเค้ก ต้าร์ มะปราง น้องพลอย แพน น้องปาย(นักวาดคู่แฟนด้อม) ขอบคุณมากๆที่ตามอ่านตลอด พี่รักพวกเรามากนะ แต่ไม่ค่อยพูดเท่านั้นเอง...
ขอบคุณ1D ขอบคุณความติ่ง ที่ได้ทำให้รู้จักนาว เหมียว เมย์ เรย์ น้องเบลล์ ขอบคุณความทาสแมวที่ทำให้ได้เจอ มิ้งค์ เรย์ เค้ก ต้าร์ แพนครั้งแรก....แมวที่บ้านยังอยู่ดี พี่เป้าน้ำหนักขึ้น1กิโล(ถ้าอยากรู้)
ขอบคุณทวิตเตอร์ที่ทำให้รู้จักกุ้งกุสุมา ไอดอลของเค้า ขอบคุณที่ทำให้เจอเพื่อนฝ่งบิทช์ที่แม้จะยังไม่เคยเจอหน้ากันแต่ก็คุยกันราวสนิทมาสิบปี รักพวกหล่อนนะ
ขอบคุณความติ่งนายแบบที่ทำให้เจอน้องบาส...ขอบคุณที่เราไปติ่งน้องดอมด้วยกัน มิตรภาพเราเริ่มได้เร็วมาก แต่พี่ดีใจมากที่มันเป็นอย่างนั้น ไว้ไปกินส้มตำด้วยกันอีก
สุดท้ายนี้ขอบคุณ ฟลว.ทุกๆคนที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อได้หมด เพราะเยอะเกิ๊น 55555555+ ขอบคุณที่ทนคนปากเสียแบบเราได้ ขอบคุณที่ยังติดตามเราแม้เราจะทำรกTLมากแค่ไหน ถึงเราจะปากเสียชอบดราม่าแต่ก็ขอบคุณที่ยังทนกันได้ แม้ว่าทุกคนจะตามฟอลเราเพราะผู้ชายเราก็ดีใจนะ สัญญาว่าจะลงรูปแซ่บๆต่อไปขอบคุณมากๆที่เข้ามาคุยเล่น ทักมาถามนายแบบ เรายังยืนยันว่าเรายินดีจะตอบทุกคน แต่ถ้าเราไม่ตอบโปรดรู้เอาไว้ว่าไม่ใช่เราไม่อยากตอบ แต่เราไม่เห็นค่ะ...บางคนกว่าจะเห็นเมนชั่นก็ผ่านไปเป็นวันๆแล้ว การแจ้งเตือนเราเยอะจริงๆ....
ขอบคุณมากๆค่ะ อยู่ด้วยกัน ทนกันแบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะ....
รัก.
D.
-TALK-
สวัสดีปีใหม่ค่ะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ!! ถึงจะเลทมาหลายวันแต่ก็อยากสวัสดี
ฟิคเรื่องนี้จริงๆจะส่งประกวดค่ะ...แต่เพราะว่าการประกวดยกเลิกไปเลยคิดว่าจะเอามาให้อ่านกันดีกว่า ดีกว่าปล่อยมันไปเฉยๆ (ตอนจะส่งประกวดก็ตั้งใจจะให้อ่านกันนั่นแหละ ผลพลอยได้คือได้ประกวดด้วย)
เรื่องนี้มีพล็อตมานานแล้วแต่ไม่ได้หยิบมาเขียนต่อ พอดีว่าธีมประกวดตรงเลยคิดว่าจะส่งเรื่องนี้แหละ ต้องขอบคุณการประกวดที่แม้จะยกเลิกไปแล้วแต่ก็ทำให้เราได้ต่งจนจบ
ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่จาดกเราแล้วกันนะ...เพราะเราไม่มีอะไรจะให้...หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ เราตั้งใจมากจริงๆ ใครที่อ่านแล้วคุยกับเราได้ที่แท็ก #สุดผืนทรายปลายขอบฟ้า ค่ะ
*เผื่อคนนึกภาพไม่ออก...
นี่บ้านแฮร์รี่ค่ะ http://i.imgur.com/hXmcnd6.jpg
ส่วนนี่ท่านั่งในครัว =,.= http://i.imgur.com/McWUETF.jpg
มาถึงตรงนี้คงต้องเข้าประเด็นหลักที่สำคัญๆแล้ว...นั่นคือ...
Special Thank! ขอบคุณบุคคลเหล่านี้ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตในปี2015นะคะ
@_MomoMomiji_ เพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด7ปี ปีนี้เข้าปีที่8แล้ว ขอบคุณมากๆที่ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน คอยช่วยเวลาเราลำบาก คอยช่วยคิดพล็อตคิดฟิค นี่รู้ตัวว่าบางครั้งพูดอะไรไม่เข้าหูไปบ้างแต่แกก็ไม่เคยโกรธ...ขอบคุณจริงๆ ปีนี้เราจะมาร่วมติ่งไปด้วยกันอีกนะ
น้องแหม่ม @MAMNCHICHA ที่น้องให้บัตรพี่ไปดูคอนเสิร์ต1Dด้วยกันตอนต้นปี ขอบคุณมากๆ ขอบคุณความติ่งที่ทำให้เราได้เจอกัน ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะพี่ก็ยุ่งแหม่มก็ยุ่ง แต่อยากให้น้องแหม่มรู้ว่าพี่คิดถึงเราตลอดนะ เป็นมิตรภาพดีดีที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ รักกกกกกกกส์
บอทฟิค #เสือเซน ทุกๆคน ตั้งแต่พี่เสือ นังรี่ พี่ลู คุณปลัด จ่าไนล์ เสี่ยจัส เจ้าวาน จ่าลุก ไอ้แอ๊ด ไอ้ล่ำ นังหมาย แม่เจย์ นังน้องเพอร์(ลืมนางต้องตัวใหญ่ๆ) น้องลูกบ้าน บอทโนเนม น้องญาญ่า น้องๆเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตของพี่ในปี2015ที่ผ่านมา ทำให้พี่มีกำลังใจในการแต่งฟิคมากขึ้น น้องๆมีส่วนทำให้ฟิคเรื่องนี้เป็นที่รู้จักและจบบริบูรณ์....ขอบคุณมากๆจริงๆ สุดท้ายนี้อยากบอกเหล่าบอททั้งหลายว่า.... "บอทเล่นใหญ่มาก" 555555555555+
แฟนๆเสือเซนทุกคน ขอบคุณมากๆสำหรับกำลังใจ สำหรับคอมฟีดแบ็คที่มีให้ตลอดมา ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านฟิคง่อยๆอย่างเสือเซน เราไม่รู้จะพูดยังไงแต่ทุกๆคนคือผู้มีพระคุณของเรา มีหลายๆคนที่เราเห็นบ่อยๆ แต่เราอาจจะไม่ค่อยได้คุยกัน...เราเป็นคนประเภทที่เอาแต่รอคนเข้ามาสานความสัมพันธ์ จะไม่ค่อยเริ่มไปสานสัมพันธ์กับใครก่อน ช่วยอดทนกับเราหน่อยนะ...เราไม่ได้หยิ่ง แต่ถึงจุดหนึ่งถ้าเราคิดว่าเราเข้ากันได้ เราจะตามฟอลแน่นอนค่ะ ขอบคุณมากๆที่ยังตามอ่านฟิคเราทุกเรื่อง ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ อยากจะคัดคำว่าขอบคุณซักร้อยจบให้พวกคุณเลยค่ะ...
ขอบคุณฟิคตัวเองจะเป็นอะไรไหมเนี่ย? 555555555+ เพราะฟิคเรื่องนี้ทำให้เราได้เพื่อนใหม่เยอะมาก....ทั้งเค้ก ต้าร์ มะปราง น้องพลอย แพน น้องปาย(นักวาดคู่แฟนด้อม) ขอบคุณมากๆที่ตามอ่านตลอด พี่รักพวกเรามากนะ แต่ไม่ค่อยพูดเท่านั้นเอง...
ขอบคุณ1D ขอบคุณความติ่ง ที่ได้ทำให้รู้จักนาว เหมียว เมย์ เรย์ น้องเบลล์ ขอบคุณความทาสแมวที่ทำให้ได้เจอ มิ้งค์ เรย์ เค้ก ต้าร์ แพนครั้งแรก....แมวที่บ้านยังอยู่ดี พี่เป้าน้ำหนักขึ้น1กิโล(ถ้าอยากรู้)
ขอบคุณทวิตเตอร์ที่ทำให้รู้จักกุ้งกุสุมา ไอดอลของเค้า ขอบคุณที่ทำให้เจอเพื่อนฝ่งบิทช์ที่แม้จะยังไม่เคยเจอหน้ากันแต่ก็คุยกันราวสนิทมาสิบปี รักพวกหล่อนนะ
ขอบคุณความติ่งนายแบบที่ทำให้เจอน้องบาส...ขอบคุณที่เราไปติ่งน้องดอมด้วยกัน มิตรภาพเราเริ่มได้เร็วมาก แต่พี่ดีใจมากที่มันเป็นอย่างนั้น ไว้ไปกินส้มตำด้วยกันอีก
สุดท้ายนี้ขอบคุณ ฟลว.ทุกๆคนที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อได้หมด เพราะเยอะเกิ๊น 55555555+ ขอบคุณที่ทนคนปากเสียแบบเราได้ ขอบคุณที่ยังติดตามเราแม้เราจะทำรกTLมากแค่ไหน ถึงเราจะปากเสียชอบดราม่าแต่ก็ขอบคุณที่ยังทนกันได้ แม้ว่าทุกคนจะตามฟอลเราเพราะผู้ชายเราก็ดีใจนะ สัญญาว่าจะลงรูปแซ่บๆต่อไปขอบคุณมากๆที่เข้ามาคุยเล่น ทักมาถามนายแบบ เรายังยืนยันว่าเรายินดีจะตอบทุกคน แต่ถ้าเราไม่ตอบโปรดรู้เอาไว้ว่าไม่ใช่เราไม่อยากตอบ แต่เราไม่เห็นค่ะ...บางคนกว่าจะเห็นเมนชั่นก็ผ่านไปเป็นวันๆแล้ว การแจ้งเตือนเราเยอะจริงๆ....
ขอบคุณมากๆค่ะ อยู่ด้วยกัน ทนกันแบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะ....
รัก.
D.
ก็... เป็นคนที่เพิ่งค้นหาฟิคนี้เจอเมื่อปี2019นะคะ(หัวเราะ) อยากจะบอกว่าชอบพล็อต เนื้อเรื่อง โดยเฉพาะตอนจบมากๆเลยค่ะ ไม่ต้องมีลูกเล่นเยอะมากมายให้คิดซับซ้อน และที่ชอบสุดๆเลยคือภาษาที่ใช้แต่งค่ะ รักเรื่องนี้มากๆเลยล่ะค่ะ
ตอบลบ