วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2559

SEASON GREETING : สุดผืนทราย...ปลายขอบฟ้า #ZARRY

Title : امرين رمل  “รอมลุน อามรีน” สุดผืนทราย...ปลายขอบฟ้า

Note : สถานที่ และตัวละครบางตัวเป็นเพียงชื่อที่สมมติขึ้นมาเท่านั้น อีกทั้งฟิคเรื่องนี้ยังเป็นแอคชั่นคอมเมดี้ที่มีความเท่ผสมความตลกไมใช่ฟิคอลังการแต่อย่างใด(ฮาาาาาาา)













หากกล่าวว่า “สิงโต” คือจ้าวแห่งพงไพรฉันท์ใด


            “พญาเหยี่ยว” ก็เป็นจ้าวแห่งทะเลทรายฉันท์นั้น



พายุทรายกำลังโหมกระหน่ำท่ามกลางความเวิ้งว้าง เบื้องหน้ามองเห็นเพียงพายุฝุ่นสีน้ำตาลแดง ความบ้าคลั่งของทะเลทรายเป็นสิ่งเดียวที่ไม่อาจยับยั้ง คนที่อาศัยกลุ่มหินหลบพายุนั่นเริ่มรู้สึกตาพร่า ลำคอแห้งผากเพราะเดินทางข้ามทะเลทรายมานานกว่าหกชั่วโมง ทั้งๆที่กะเวลาแล้วว่าจะไปถึงโอเอซิสข้างหน้าในอีกไม่ถึงชั่วโมงแต่กลับต้องมาติดอยู่ท่ามกลางพายุทรายที่ก่อตัวขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย


ร่างโปร่งหอบหายใจหนักภายใต้ผ้าฝ้ายผืนเก่าที่ใช้คลุมใบหน้ากันฝุ่นทรายเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ มือข้างหนึ่งรั้งผ้าเอาไว้มั่นไม่ให้มันปลิวไปตามลมพายุ ส่วนอีกมือพยายามกดลงไปบนปากแผลที่หน้าท้อง แต่ยิ่งออกแรงกดมากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะยิ่งทำให้เลือดซึมออกมามากเท่านั้น การหายใจก็ทำได้ยากยิ่ง...หากหายใจลึกเกินไปจะรู้สึกเจ็บแผลจนต้องเผลอกัดฟัน จึงทำได้เพียงหายใจสั้นๆถี่ๆเท่านั้น


ความหวังเดียวของเขาอยู่ที่โอเอซิสข้างหน้า...หากไปไม่ถึงที่นั่นก่อนพายุจะสงบล่ะก็...ไม่ซิ! ถึงพายุจะสงบลงแล้วก็ยังพอมีเวลาอีกซักหน่อยให้ทันหนี แต่ถ้าหากมีใครผ่านมาเจอเข้าเสียก่อนรับรองได้เลยว่าร่างเขาจะต้องนอนจมทะเลทรายอยู่ตรงนี้เป็นแน่


ง่วง...


ความรู้สึกนี้กำลังโจมตี...แต่จิตสำนักบอกให้เขาครองสติตัวเองให้อยู่...


“อยากนอนฉะมัด...”


...


..


.


.


.


.


แฮร์รี่


...


..


.


แฮร์รี่...ตื่นเดี๋ยวนี้...


...


..


.


แฮร์รี่!!!’


ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก ในมโนสำนึกได้ยินเสียงเรียกจากที่ไกลๆจนต้องลืมตาตื่นขึ้นมา เขาจำได้ว่ามันคือเสียงอันแสนคุ้นหูของพี่สาวที่ชอบมาปลุกเวลาเขานอนตื่นสาย...เมื่อหันมองรอบๆตัวพบว่าพายุเงียบสงบลงแล้ว อาจจะหยุดมาได้ซักพักแล้วด้วยดูได้จากท้องฟ้าที่กลับมาสว่างจ้าอีกครั้งหลังถูกปกคลุมด้วยกลุ่มพายุทรายสีน้ำตาลทองมานานกว่าชั่วโมง


“บ้าฉิบ...” ชายหนุ่มสบถก่อนจะรีบลุกขึ้นจากที่ซ่อน หยิบเอาผ้าฝ้ายมาปัดเศษทรายออกจากบาดแผลตามร่างกาย ก่อนจะฉีกแบ่งมันเป็นชิ้นๆแล้วพยายามรัดปิดปากแผลเอาไว้ รอยกระสุนถากที่ขาและหัวไหล่ยังไม่เท่าไหร่ แต่กระสุนที่เจาะเข้าตรงช่องท้องมันยังฝังอยู่ข้างใน หากไม่รีบเอาออกเขาอาจจะต้องเสียเลือดจนตาย


ขณะที่กำลังก้าวเท้าเร็วๆเพื่อมุ่งหน้าไปยังโอเอซิสที่เห็นอยู่ปลายสายตา เขากลับต้องเปลี่ยนเป็นเริ่มออกวิ่งเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์พร้อมเสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง...เมื่อหันไปมองก็สายตาก็ปะทะเข้ากับรถจีปสำหรับขับในทะเลทราย พร้อมกลุ่มคนบนนั้น


“เวรเอ๊ย!!” ชายหนุ่มกัดฟัน ออกแรงวิ่งแต่ยิ่งวิ่งก็เหมือนยิ่งจมลงไปในกองทราย ดูทุลักทุเลจนนึกรำคาญ เขาหยิบปืนพกออกมาจากข้างลำตัวบรรจุกระสุนที่เหลือไม่กี่นัดเข้าไปคำนวณจากระยะไกลทางนั้นมากันสี่คน เหลือกระสุนอยู่หกนัด นั่นหมายถึงเขาพลาดได้เพียงสองครั้ง...ไม่ซิ! จะพลาดไม่ได้เลยต่างหาก...เพราะถ้าพลาด...



ก็เท่ากับชีวิต...



ปัง ปัง ปัง!!!


ทางนั้นเริ่มสาดกระสุนใส่ ร่างโปร่งกระโดดสไลด์ตัวไปตามสันทราย ตอนกระโดดคำนวณเอาไว้ว่าจะต้องหยุดแถวๆเวิ้งด้านล่าง แต่เพราะหยุดไม่ทันเลยทำให้เขาสไลด์ลงไปต่ำกว่าจุดหมายเล็กน้อย ดวงตาสีเขียวมองหาทางหนีทีไล่ เห็นโอเอซิสขนาดเล็กอยู่ทางตะวันออกเขาจึงรีบมุ่งหน้าไปทางนั้น


ฝ่ายที่อยู่บนรถเองก็ไม่ได้เลิกไล่ตาม เสียงเครื่องยนต์ดังใกล้เข้ามาทุกขณะ! เสียงรัวปืนก็ไม่แพ้กัน รู้สึกว่ามีนัดหนึ่งผ่านหน้าไปจนได้ยินเสียงลมหวีดที่ข้างหูพร้อมกับความร้อนที่แผดเผาจนใบหูร้อนฉ่า เจ้าของร่างโปร่งวิ่งต่ออย่างไม่คิดชีวิตถึงจะรู้สึกทุลักทุเลเพียงใดก็ตาม


“ไอ้พวกเวรตะไล...” ชายหนุ่มสบถพร้อมพุ่งตัวเข้าไปที่แนวต้นปาล์มเมื่อมาถึงโอเอซิสที่ใกล้ที่สุด เมื่อทะลุออกมาก็พบกับกระโจมสีขาวขนาดใหญ่ ชายหนุ่มย่องเบาเบากระชับปืนในมือแหวกสาบผ้าดิบที่ทั้งหนาและหนักออกจากกัน ค่อยๆแทรกตัวเข้าไปด้านใน


“อ๊ะ!!” เจ้าของดวงตาสีมรกตเอี้ยวตัวหลบตามสัญชาตญาณเมื่อมีของมีคมที่พุ่งเข้าหาตัว เขาปัดมีดสั้นเล่มนั้นหล่นพื้นก่อนจะหักข้อมือของร่างที่ตั้งใจจะแทงเขาด้วยมีด หากแต่ทางนั้นกลับสะบัดมือเขาออกอย่างง่ายดายราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆเช่นการผูกเชือก จากนั้นก็โดนกระชากข้อมืออย่างแรงก่อนจะโดนจับพลิกร่างแล้วล็อคคอเอาไว้ด้วยท่อนแขน มืดอีกเล่มถูกหยิบมาจ่อเข้าที่คอหอยจนต้องยอมหยุดนิ่ง


“ถ้าขยับ...หลอดลมขาดแน่ๆ” เจ้าของเสียงเอ่ยที่หลังใบหู ทำให้มือที่กำลังจะเหนี่ยวไกหยุดชะงัก ถึงจะรู้ดีว่ายังไงปืนก็ไวกว่ามืด...แต่ดูจากทักษะของอีกฝ่ายแล้วเขาไม่คิดเสี่ยง


“คุณเป็นใคร...”


“ผมต่างหากที่ต้องถาม...บุกเข้ามาในนี้โดยพละการ คิดว่าถ้าคนเจอไม่ใช่ผม คุณจะได้มายืนอวดดีอยู่ตรงนี้ไหม” เสียงนั้นว่าเรียบๆด้วยภาษาอังกฤษคล่องปร๋อจนคนฟังยังนึกประหลาดใจ หากแต่คมมีดกลับกดลงในเนื้อเบาเบาจนรู้สึกเจ็บแปลบ ซึ่งนั่นเรียกสติเขากลับมาจดจ่ออยู่กับคนข้างหลังแทน


“จะปล่อยได้หรือยัง...”


“ถอดแม็กกาซีนออกแล้วโยนไปทางซ้าย...ส่วนกระบอกโยนไปทางขวา...”


“หึ!


“เร็วเข้า...” ร่างโปร่งทำตามที่อีกคนสั่ง ไม่ได้คิดจะเล่นตามเกมตลอดไปหรอกนะ...แต่ตอนนี้หาวิธีหนีจากไอ้พวกข้างนอกให้ได้ก่อน ส่วนคนในนี้ค่อยจัดการเอาทีหลังก็ได้


“กลัวรึไง...” ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีมรกตยั่วประสาทด้วยคำถามคลาสสิค อีกฝ่ายทำเพียงแค่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งติดจะงัวเงียเพียงเท่านั้น


“มีอะไรที่ต้องกลัว...”


“หึหึ...” สิ้นเสียงหัวเราะ คนข้างหลังก็ออกแรงพลักเขาจนหน้าทิ่ม กดร่างเขาลงกับพื้นให้นอนราบอยู่บนพรมผืนใหญ่มือทั้งสองถูกจับไพล่หลังก่อนถูกมัดด้วยบางสิ่ง อาจจะเป็นผ้าหรือไม่ก็เชือกป่านเพราะมันไม่ได้แข็งจนบาดเนื้อเหมือนเชือกทั่วๆไป


“คุณเป็นใคร” เสียงนุ่มทุ้มถามเมื่อปล่อยเขาเป็นอิสระแบบครึ่งๆกลางๆ เพราะมือเขายังถูกมัดไพล่หลังเอาไว้และมันไม่สนุกเลยซักนิด...อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มตามแบบผู้คนท้องถิ่น ดวงตาสีน้ำตาลทองฉายแววเจ้าเล่ห์ ทางนั้นแต่งกายด้วยโต๊ปยาวแบบที่เห็นกันได้ทั่วไปทางประเทศแถบอาหรับ บนศีรษะมีผ้าคลุมสีขาวที่เรียกกันว่าคาฟีย่าห์ คาดทับด้วยเชือกอีกัลป์สำหรับรัดไม่ให้คาฟีย่าห์เลื่อนหลุด


“จะรู้ไปทำไม...”


“ผมอาจจะไม่ได้อยากรู้...แต่ไม่แน่พวกข้างนอกนั่นอาจจะอยากรู้...” คนฟังลอยหน้าลอยตาไม่ยอมตอบคำถาม แต่ถึงอย่างนั้นคนถามก็ไม่ได้เก็บมาเป็นอารมณ์ เจ้าของใบหน้าคมเข้มไหวไหล่น้อยๆอย่างไม่ยี่หระเหมือนจะบอกว่า ก็แล้วแต่ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร...


“เพย์น...เลียม เพย์น...นักข่าวอิสระ...”


“อย่างนั้นเอง...แปลกดีที่นักข่าวรู้จักใช้ปืน...”


“บางครั้งต้องไปอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน...คงต้องมีอะไรป้องกันตัวไว้บ้าง...”


“ก็ดี...เพราะที่นี่เองก็เถื่อนหนักไม่แพ้กัน...” คนพูดว่าแค่นั้นก่อนทำท่าจะหมุนตัวออกไป แต่ชายหนุ่มอีกคนเรียกเอาไว้เสียก่อน


“เฮ้!! เดี๋ยว!! ผมบอกชื่อผมกับคุณแล้ว! แล้วคุณล่ะ!!


“จาร์วาด...เซน จาร์วาด มาลิค...พ่อค้า...”  


...


..


.


“ตลาดมืด.....หึ!




……..





หนีเสือปะจระเข้


นี่มันหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ!! หนีจากพวกตามล่าตัวมาได้กลับมาถูกพ่อค้าตลาดมืดช่วยเอาไว้แทน!! ไม่มีอะไรจะซวยไปมากกว่านี้แล้ว! ถ้าทำได้จะหนีไปเสียตั้งแต่คืนนี้...เห็นมีเสบียงให้พอขโมยได้บ้าง อาวุธอีกนิดหน่อย น้ำดื่ม...คงพอไปได้ถึงเมืองข้างหน้า กะเวลาไม่เกินสองวัน...ถึงตอนนั้นก็ค่อยหาทางไปยังท่าเรืออีกที


ชายหนุ่มหาทางปลดพันธนาการที่มือของตนเองออก แต่มันแน่นเกินไป...ต้องออกแรงจนเหนื่อย กว่าจะหลุดออกมาได้ก็กินแรงเขาไปเยอะอยู่เหมือนกัน เจ้าของดวงตาสีมรกตมองสำรวจไปทั่วกระโจมเห็นมีกระเป๋าเป้เก่าๆวางอยู่อาจจะพอใช้การได้ เขาตรงไปหยิบรื้อกระเป๋านั้นอย่างถือวิสาสะ เทของด้านในออกก่อนจะเลือกหยิบขนมปังแบบอบแห้งในตะกร้าหวาย กระบอกน้ำ และเอื้อมไปหยิบมืดสั้นของอีกคนที่เขาเป็นคนปัดลงพื้นก่อนหน้านี้เพราะเขาไม่มีเวลาหาปืนที่โยนทิ้งไป


“ช่างดีเหลือเกิน...ตอบแทนคนที่ช่วยตนด้วยการขโมยเสบียงแล้วจะหนีออกไป...” ยังไม่ทันจะได้ย่องออกจากกระโจมเสียงนั้นก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน


ชายหนุ่มเดาะลิ้น วางกระเป๋าลงบนพื้นก่อนจะหันมาเผชิญหน้าอีกฝ่ายช้าๆ


“ขอบคุณ...” ชายหนุ่มยักไหล่ ตีสีหน้าเหมือนถามว่าต้องการออะไรอีก อีกฝ่ายจึงหัวเราะเบาเบาในลำคอ


“แค่นั้นคงไม่พอหรอก...รู้ไหมกว่าจะไล่ไอ้พวกข้างนอกไปได้ต้องเหนื่อยแค่ไหน...อย่างน้อยๆมันก็ต้องมีของตอบแทนกันบ้าง...” ชายหนุ่มในชุดโต๊ปทำหน้าเจ้าเล่ห์ ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาขนสัตว์ผายมือให้ชายหนุ่มจากซีกโลกตะวันตกนั่งตามที่โซฟาฝั่งตรงข้าม แต่ทางนั้นดูเหมือนจะเป็นพวกหัวรั้นเกินพอดี


“แล้วคุณต้องการอะไร...ถ้าเป็นเงิน เมื่อผมกลับไปถึงอังกฤษแล้วจะจัดการให้...”


“แล้วผมจะมีอะไรเป็นหลักประกันล่ะ...ว่าถ้าผมปล่อยคุณไปแล้วผมจะได้เงินตามที่คุณว่า...” คนฟังเดาะลิ้น...เสตามองไปทางอื่นเมื่อเริ่มรู้สึกรำคาญสายตาของอีกฝ่าย


“ผมไม่ใช่คนที่ลืมบุญคุณคนง่ายขนาดนั้น...ถ้าคุณจะ กรุณา ปล่อยผมไป...รับรองเงินจะถึงมือคุณ”


“ผมว่า...ผมมีข้อเสนอที่ดีกว่านั้น...”


“ข้อเสนออะไร” ชายหนุ่มเขม่นมองคนที่นั่งบนโซฟา ฝ่ายนั้นดีสีหน้าเจ้าเล่ห์...เห็นแล้วอยากจะคว้าบาเร็ตต้าที่โยนทิ้งไปก่อนหน้านี้กลับมาแล้วอัดแม็กกาซีนเข้าไป...หกนัดที่เหลือจะยิงให้พรุนกันไปข้าง!!


“ฟังตอนนี้คงไม่เร้าใจหรอก...เอาเป็นว่าคุณไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว ทำแผลให้เรียบร้อย...แล้วเราค่อยมานั่งคุยเรื่อง 'ข้อเสนอ' ของผมกันดีกว่า...คุณเพย์น...ไม่ซิ....


“...”


...


..


.


“คุณสไตล์...”


!!!!!!!!!


ร่างในชุดโต๊ปตลบผ้ากระโจมก่อนจะเดินออกไปทิ้งเขาเอาไว้ด้านในเพียงคนเดียว ชายหนุ่มเม้มปากแน่น...นึกทบทวนว่าตนพลาดตรงไหน? ทั้งๆที่ไม่เคยทิ้งร่องรอยอะไรไว้...ทำไมอีกคนถึงรู้จักตัวจริงของเขา!! ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอย่างเอาเป็นเอาตาย สายตาของเขาก็ปราดไปพบเข้ากับแผ่นกระดาษที่ถูกวางส่งๆอยู่บนพื้นเขาจึงไปคว้าเอามาพลิกดู...


แผ่นกระดาษหนาสีน้ำตาลเข้มที่มีรอยเปื้อนเป็นวงกว้าง บนนั้นพิมพ์ภาพเหมือนใบหน้าของเขาที่น่าจะวาดขึ้นโดยนักวาดที่มีฝีมือพอตัว เพราะทุกรายละเอียดบนใบหน้าเหมือนเขาไม่มีผิดเพี้ยน ตัวอักษรภาษาอาหรับมากมายแต่เขาไม่เข้าใจนัก เว้นเสียแต่ตัวอักษรแบบอังกฤษที่พิมพ์เป็นชื่อเขาเด่นหรา ดูอย่างไรก็หนีไม่พ้นใบปลิวประกาศจับ...ถึงจะไม่สันทัดทางภาษาแต่รู้เลยว่าจำนวนตัวเลขแบบอาหรับบนแผ่นกระดาษที่เลขศูนย์เรียงกันเป็นแถวยาวเหยียดนี่มีมูลค่าไม่น้อยเลย...


ระหว่างกำลังนั่งมองกระดาษในมือกระโจมก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับเด็กหนุ่มอายุราวๆสิบสี่สิบห้าปีในชุดโต๊ปสีขาวแบบเดียวกับคนที่เดินออกไป เพียงแต่รายนี้ไม่ได้สวมคาฟีย่าห์เหมือนอีกคน ในมือของเด็กผู้ชายผิวสีแทนใบหน้าคมเข้มตรงหน้าคือผ้าที่พับทบๆกัน ดูแล้วคงเป็นอาภรณ์สำหรับเขาในคืนนี้


“ขอบใจ...” เขากล่าว ทางนั้นเหมือนจะตื่นเต้น...อาจจะไม่เคยเจอชาวต่างชาติ ยิ่งเป็นพวกผิวขาวแบบเขาแล้วคงหายากหน่อย เขาเดินตามเด็กหนุ่มที่พาเขาเดินอ้อมหลังกระโจมไปยังแหล่งน้ำเล็กๆ น้ำใสจนเห็นพื้นทรายด้านล่าง...มีตาน้ำผุดอยู่ข้างใต้


ชายหนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตที่เคยเป็นสีขาวออก...บาดแผลที่ไหล่และต้นขายังไม่เท่าไหร่ แต่ที่หน้าท้องแผลเริ่มปริอีกครั้ง...ยังไงก็คงต้องผ่าเอากระสุนออก...ดูแล้วมันไม่ลึกเท่าไหร่เพราะตอนโดนยิงเขาหลบอยู่หลังร่างของชายฉกรรจ์ที่ตัวใหญ่กว่าเขาเกือบสองช่วงศีรษะ อาศัยร่างนั้นช่วยกันกระสุนแต่ดูเหมือนจะไม่พอเมื่อมีบางนัดฝังเข้ามาในเนื้อเช่นนี้


“นี่...ขอยืมมีดแล้วก็ไฟแช็กหน่อยได้ไหม?” เขาหันไปหาเด็กหนุ่ม แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ค่อยเข้าใจ...ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างจนปัญญา ลองวาดภาพลงบนพื้นทราย ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะวิ่งปร๋อกลับไปที่กระโจม


ชายหนุ่มร่างโปร่งลุกขึ้นถอดกางเกงออกจากตัว รวมทั้งชั้นในที่เต็มไปด้วยทราย...เขาก้าวช้าๆลงไปในแหล่งน้ำ หยิบเอาเสื้อกล้ามมาชุบน้ำแล้วบิดหมาดๆ ขัดถูร่างกายเอาคราบสกปรกออก วักน้ำล้างหน้าให้สดชื่น ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็กลับมาพร้อมของที่เขาขอ


“ช่วยจุดไฟที...จุดไฟ...” ชายหนุ่มทำท่าประกอบ เด็กหนุ่มพยักหน้ารัวเร็วก่อนจะจุดไฟให้ตามที่อีกคนขอ ชายหนุ่มร่างโปร่งคว้าเอาเสื้อเชิ้ตมาฉีกออกเป็นชิ้นๆ ส่วนหนึ่งกัดเอาไว้ในปาก เขายื่นปลายมืดสั้นลนไฟจนมันค่อยๆขึ้นสีส้มอ่อนๆจากการที่โลหะถูกความร้อน เมื่อได้ที่จึงจับปลายมีดกดลงที่ปากแผลแล้วกรีดเป็นทางยาวประมาณครึ่งนิ้ว ก่อนจะค่อยๆเขี่ยหัวกระสุนออกมาอย่างระมัดระวัง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เลือดบางส่วนไหลออกจากปากแผลจนเขาต้องรีบเอาเศษเสื้อที่ฉีกเอาไว้มาซับออก


เขาพยักเพยิดให้เด็กหนุ่มจุดไฟอีกครั้งก่อนจะนำมืดสั้นไปลนไฟจนมันร้อนได้ที่จึงเอามาทาบลงบนปากแผลของตนเองเสียงดัง ฉ่า เหมือนของร้อนโดนความเย็นกะทันหัน...ปากแผลสมานกันช้าๆแต่ถึงกระนั้นมันก็ยังต้องถูกจัดการอีกครั้งโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ตอนนี้ทำได้แค่พอประทังไปเท่านั้น


“เสร็จแล้วล่ะ...ขอบใจมาก...” เด็กหนุ่มยิ้มรับ เก็บเศษซากของเหลือใช้ไปถือเอาไว้เงียบๆ ยืนมองคนที่กำลังอาบน้ำโดยไร้ซึ่งคำพูดใดใด



เรือนร่างที่เคยมอมแมมและเต็มไปด้วยฝุ่นทรายตอนนี้ขาวผ่องรับแสงสีส้มอุ่นของแดดยามเย็นที่ทอดผ่านแนวต้นปาล์มทอดเงาลงกับผืนน้ำ ทุกจังหวะที่อีกฝ่ายขยับกายละอองน้ำจะสาดกระเซ็นกระทบแสงแดดจนเกิดประกายระยับ เรือนผมยาวหยักศกสีเปลือกไม้เปียกลู่ถูกเสยไปด้านหลังช่วยเปิดใบหน้าขาวกระจ่างอ่อนเยาว์ ที่น่ามองที่สุดคงหนีไม่พ้นดวงตาสีมรกตภายใต้แพขนตาหนาที่มีหยดน้ำเกาะพราว...เด็กหนุ่มเผลอมองภาพนั้นอย่างลืมตัว...


เจ้าของร่างโปร่งหันมามองเด็กหนุ่มที่ยืนมองเขาตาค้าง ริมฝีปากสีสดเปียกชื้นเปิดยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะแกล้งสะบัดน้ำใส่จนอีกฝ่ายได้สติ ชายหนุ่มขึ้นจากน้ำพร้อมรับเครื่องแต่งกายมาจากเด็กหนุ่ม ถามหาชุดชั้นในแต่ทางนั้นส่ายหัว เมื่อถามกลับไปว่าเจ้าเด็กนั่นใส่หรือไม่ก็ได้รับคำตอบเป็นการส่ายศีรษะอีกเช่นกัน


“บ้าเอ๊ย...เดี๋ยวก็ได้เป็นไส้เลื่อนตายกันหมด!” ร่างโปร่งบ่นเบาเบา สวมโต๊ปสีขาวเข้าทางหัวก่อนจะเดินตามเด็กหนุ่มกลับไปที่กระโจม...ด้านในมีเจ้าถิ่นนั่งรออยู่ก่อนแล้วพร้อมกับแก้วทองเหลืองในมือ คิดว่าคงจะเป็นรัมย์องุ่นแบบที่ชาวอาหรับชอบ อาหารหลายอย่างถูกวางลงบนสิ่งที่เรียกว่าโต๊ะก็คงไม่เชิง มันเป็นหีบที่สานจากหวายเป็นตาถี่ๆ แข็งแรงพอจะวางของได้แต่คงไม่แข็งแรงพอจะรองรับน้ำหนักตัวคน


“เอ้า...ทานเสียก่อน แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องที่เราคุยค้างกันเอาไว้...”


“มีอะไรจะพูดก็รีบๆพูดมาเถอะ...ยึกยักน่ารำคาญ...”


“ใจร้อนจริง...ก็ได้! ในเมื่ออยากคุยนักจะได้ไม่ต้องอ้อมค้อม”


“ก็พูดมาซักทีเถอะน่า!!


“พรุ่งนี้คุณต้องไปที่ลานประมูลในเมือง ถ้าเดินเท้าคงใช้เวลาซักสองวัน แต่เราจะไปด้วยรถ...ออกเดินทางคืนนี้แล้วพรุ่งนี้ช่วงเที่ยงวันก็คงถึง...”


“จะให้ไปประมูลอะไร...” เกิดมาไม่เคยประมูลอะไรกับใครหรอกนะ...ไม่มีอะไรที่อยากได้จนถึงขนาดต้องไปประมูลแย่งเอามา...เหอะ!...โจรชื่อกระฉ่อนในวงการโจรกรรมอย่างเขาจำเป็นจะต้องไปนั่งประมูลด้วยหรือไง?  อ้อ! เว้นไว้อย่าง...แผ่นเสียงรุ่นสะสมของวง เดอะ บีทเทิ้ล ที่เคยประมูลมาจากเว็บบิดออนไลน์...


“ใครว่า...คุณจะต้องไปในฐานะ ของ ที่ถูกประมูลต่างหาก...”


“จะบ้าหรือยังไง!! คุณไม่มีสิทธิ์จะขายผมทอดตลาด!!!


“ก็แล้วแต่คุณนะ...หรือคุณอยากจะถูกส่งตัวกลับไปให้เจ้าพวกนั้นล่ะ? ง่ายๆแค่นี้เอง...” ไอ้ทุเรศเอ๊ย!! ภารกิจก็ยังไม่จบ!! ทางเลือกแต่ละทางก็ดูเหมือนจะมีแต่เอาชีวิตไปทิ้งทั้งนั้น!!


“แล้วถ้าผมไม่เลือกล่ะ...”


“ไม่ได้หรอกครับคุณนักข่าว....เอ...หรือผมควรจะเรียกคุณว่าคุณจอมโจรดีล่ะ?”


“แก....” เมื่อเขาทำท่าจะเอาซ่อมในมือพุ่งไปปักคอหอยคนพูดให้รู้แล้วรู้รอดแต่ทางนั้นร้องห้ามขึ้นมาเสียก่อน


“โว้ว...เย็นไว้...แม่แมวเหมียว...ถึงผมจะเป็นคนชั่วยังไงก็ยังพอมีมนุษยธรรมหรอกน่า...”


“ไอ้การค้ามนุษย์ด้วยกันมันไม่เรียกว่าพวกมีมนุษยธรรมหรอก!!!


“ใจเย็นก่อนครับ...ผมรับรองได้ว่าคุณจะไม่ได้ถูกขายไปเป็นแรงงานทาส...แต่คุณจะถูกขายเข้าวัง...ที่ตลาดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นท่านชีคทั้งนั้นที่มาเลือกซื้อ...ของหายากแบบคุณคงทำเงินให้ผมมากมายทีเดียว...”


“ไอ้ทุเรศ...”


“ขอบคุณสำหรับสมญานามครับ...ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะใส่มันลงไปตรงไหนของชื่อดี...งั้นเพื่อเป็นเกียรติแก่คุณผมจะใส่มันเอาไว้หน้าสุด...เป็น ไอ้ทุเรศ เซน จาร์วาด มาลิค แบบนี้ดีไหมครับ?” อีกคนหัวเราะยียวนจนชายหนุ่มร่างโปร่งอยากจะเอามีดกรีดปากให้ฉีกถึงรูหู!!


“แกมันไอ้ทุเรศ...”


“คร้าบๆ นั่นชื่อต้นของผมที่คุณเป็นคนตั้งเลยนะ....เอาเป็นว่ามาเข้าเรื่องกันอย่างจริงจังเสียทีเถอะ...” ชายหนุ่มอยากจะตะโกนใส่หน้าอีกคนมากว่าที่ผ่านมานี่ยังไม่เข้าเรื่องใช่ไหม!!!


“มีอะไรก็รีบๆพูด...”


“ทีแบบนี้ล่ะใจร้อนเชียวนะครับ...เอาล่ะๆ ผมพูดก็ได้...ไม่ต้องทำท่าทางน่ากลัวแบบนั้นก็ได้ครับ...”


“...” ดวงตาสีมรกตตวัดมองคนที่ทำท่าทางยียวน ทางนั้นทำเพียงหัวเราะอย่างกวนประสาทก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ


“ในตลาดกลางการประมูลที่ดาห์แรม...จะมีคนของท่านชีคจากหัวเมืองต่างๆมาประมูลของกันมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือคนของท่านชีคจากเมืองอัล-ฟาบีย่าห์ด้วย....”


“....”


“ไงครับ?...ชักจะสนใจขึ้นมาแล้วล่ะซิ...” ชายหนุ่มร่างโปร่งตีหน้านิ่ง...ทั้งๆที่ในใจลิงโลด... หลังจากหาทางแฝงตัวเข้าไปในอัล-ฟาบีย่าห์มานาน พระเจ้าเพิ่งจะประทานโอกาสมาให้ก็ตอนนี้เอง...


“แล้วยังไง...”


“ผมไม่ขออะไรมากเลย...เพียงแต่ขอให้คุณเล่นตัวเสียหน่อย...”


“คืออะไร...ผมไม่เข้าใจ...”


“คุณคงรู้ใช่ไหม...ว่าบางเมืองผู้นำก็มีรสนิยมแปลกๆ...”


“ใช่...”


“ก็แค่คุณทำให้ตัวเองดูน่าสนใจ...ก็เท่านั้นเอง...”


“แล้วผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าจะได้ไปอยู่ในอัล-ฟาบีย่าห์...จะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่เอาเรื่องของผมไปโพนทะนา!!


“เรื่องนั้นง่ายนิดเดียว...คุณแค่เล่นตามแผนของผมก็พอ...รับรองว่าคุณได้เข้าไปอยู่ในอัล-ฟาบีย่าห์สมใจแน่...ส่วนเรื่องของคุณ...ทำไมผมจะต้องพูด? ผมได้เงิน...คุณได้เข้าอัล-ฟาบีย่าห์...วินวินทั้งคู่...ทีนี้ไม่ว่าคุณจะมีอะไรที่อยากได้จาก ราชวังงาช้าง อันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของผมแล้ว...”


“...........แล้วผมต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง”


“ไม่...คุณไม่ต้องเตรียมอะไรเลย...ผมรับรองว่าพรุ่งนี้ไม่เกินหนึ่งราตรีคุณได้เข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์แน่ๆ”




...




ไอ้ทุเรศจาร์วาด!!!’


ชายหนุ่มสบถคำนี้ในใจเป็นรอบที่ร้อย อยากจะเอามีดปาดคอมันเสียให้รู้เรื่องรู้ราวกันไป! แต่เขาทำได้แค่เดินกระสับกระส่ายไปมาในห้องโล่งๆ เสียงกระพรวนที่ดังรับทุกการก้าวเดินรึก็น่ารำคาญจนอยากกระชากทิ้ง


!@#$%^&&(*%$R#!!!” ชายหนุ่มหันควับไปมอง เสียงภาษาถิ่นดังมาจากประตู จับใจความได้ประมาณว่าให้เขาออกไปได้แล้ว ถึงเวลาแล้ว...ถ้ามีปืนซักกระบอกคงเป่าสมองไอ้คนพูดดับไปแล้ว...


Lady and Gentleman!! ในค่ำคืนนี้...คุณจะได้พบกับอัญมณีล้ำค่าจากแดนไกล...ที่เดินทางข้ามมาจากโพ้นทะเลตะวันตก!! เจ้าอัญมณีงามสีขาวพิสุทธิ์...ลูกแก้วกลมสีมรกตทั้งสองข้างจะทำให้ทุกท่านตกตะลึงในความงาม....ทุกท่านครับ...”


...


..


.


“คริสตัลจากกรีทบริเทน!!!!


สิ้นเสียงโฆษกประกาศเขาถูกผลักออกไปนอกผ้าม่าน จากนั้นเสียงตะเบ็งเซ็งแซ่ก็ดังขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ บุคคลชั้นเจ้าขุนมูลนายต่างก็ส่งเสียงตะโกนแข่งกันดูราวกับบ้านป่าเมืองเถื่อนไม่ผิดเพี้ยน พอกวาดสายตามองไปรอบๆห้องโถงขนาดใหญ่พบกับเจ้าเส็งเคร็งจาร์วาดนั่งอยู่บนชั้นลอยพร้อมกับชูถ้วยทองเหลืองราวกับทักทาย


“ฉันจะฆ่าแก...” ชายหนุ่มคาดโทษเบาเบา ทางนั้นก็พอจะรับรู้ได้จากสายตาของร่างบนเวที...จาร์วาดมองขำ! ทางนั้นไม่เหลือมาดจอมโจรชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษเสียเลย...ถูกจับแต่งตัวราวกับอิสตรี ผ้าแพรเนื้อบางเบาสีทองแหวกเสียจนถึงเอว ลมพัดนิดเดียวก็เผยเรียวขาขาวอวดสายตาชาวบ้านไปเสียสิ้น แผงออกเปล่าเปลือยนั่นขาวราวน้ำนม...ที่ต้นแขนทั้งสองข้างมีกำไลทองคำฉลุลายประณีตรัดอยู่...ถึงจะมีผ้าพันแผลบางจุดบนร่างกายแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความงามลดลง ยังดีที่ไม่ถูกจับแต่งหน้าทาปากเพิ่ม...ไม่อย่างนั้นคงบอกได้เลยว่างามเสียจนสตรีใดในพื้นแผ่นดินนัฟตาคงหน้าม้านไปตามๆกัน 


“สุภาพบุรุษสุภาพสตรี...ราคาประมูลเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่นดีแรมห์!!บ้าเอ๊ย! ราคาเริ่มต้นที่เจ็ดร้อยปอนด์นิดๆ ซื้อรถซักคันยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!! แล้วใครคือตัวแทนจากอัล-ฟาบีย่าห์จะไปรู้ได้ยังไงกัน! ชายหนุ่มคิดอย่างหัวเสียพร้อมคาดโทษไอ้คนที่มันพาเขามาขายทอดตลาด


“หนึ่งหมื่นห้าพัน!


“มาที่หนึ่งหมื่นห้าพันครับ!!


“สามหมื่น!!


“โอ้ว!! ขึ้นไปทีละเท่าตัวทีเดียว!! แต่พวกท่านไม่คิดว่ามันน้อยไปหน่อยหรือสำหรับคริสตัลงามจากกรีทบริเทนเยี่ยงนี้?!! มีใครให้มากกว่าสามหมื่นหรือไม่!


“สี่หมื่น!


“สี่หมื่นดีแรมห์ครับ!


“หกหมื่น!!


“หกหมื่นดีแรมห์! ราคายังไหลไปต่อเนื่อง--”


“เจ็ดหมื่นห้าพัน!!


“เจ็ดหมื่นห้าพันแล้วครับ!!


“เก้าหมื่น!!” ชายหนุ่มมองความอลหม่านตรงหน้า กับราคาประมูล ค่าตัว ที่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่มีหยุด หากฟังไม่ผิดราคาตอนนี้อยู่ที่สองแสนห้าหมื่นสกุลเงินท้องถิ่น...เขาตวัดสายตาไปมองเจ้าคนที่นั่งหัวเราะพร้อมหันไปชนแก้วกันคนนู้นคนนี้อยู่บนชั้นลอยแล้วอดหงุดหงิดไม่ได้ หมอนั่นน่ะคุ้มเสียยิ่งกว่าใคร!! ได้ตัวเขามาฟรีๆซ้ำยังได้เงินส่วนแบ่งจากการประมูลเสียแปดสิบเปอร์เซน! คอยดูเถอะถ้าเขาไม่ได้เข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์พ่อจะกลับมาเชือดหมกกลางทะเลทรายเสียให้สิ้นชื่อ


“หนึ่งล้านดีแรมห์!!! และพวกท่านจงหยุดเสียตรงนี้...” หนึ่งเสียงตะโกนออกมาทั้งโถงตกอยู่ในความอึงอล ไม่มีใครพูดอะไรไปพักใหญ่ก่อนจะเกิดเสียงตะเบ็งเซ็งแซ่ขึ้นมาอีกหน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังไปทั่ว ชายหนุ่มบนเวทีหันมองชายในชุดโต๊ปยาว ดวงตาสีมรกตจ้องเหรียญทองที่คล้องคอของอีกฝ่าย ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ...นั่นคือตราของ อัล-ฟาบียาห์อย่างแน่นอน


                ยังไม่ทันจะได้ดีใจนานเท่าไหร่เสียงตะโกนโวยวายจากหลังเวทีก็ดังขึ้นกลบทุกเสียงภายในห้อง กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดเสื้อผ้าสีมอบ้างก็ขาดวิ่นซึ่งไม่มีความเข้ากันแม้แต่น้อยกับความหรูหราของโถง กระโจนพรวดขึ้นมาบนเวทีนั่นทำเอาคนที่อยู่ในอาภรณ์น่าอายเบิกตากว้าง เสียงตะโกนภาษาถิ่นดังเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณ เจ้าของดวงตาสีมรกตไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นเป้านิ่ง เขาวาดขาเตะไปยังคนที่รุดหน้าเข้ามาหมายจะจับตัวเขาโดยไม่สนว่าชุดที่สวมใส่จะเปิดไปถึงไหนต่อไหน


เมื่อคนถูกเตะลงไปนอนหงายบนพื้นคนที่ปล่อยลูกเตะเมื่อครู่ก็กระโจนลงจากเวทีพร้อมออกวิ่ง นั่นทำให้ความวุ่นวายตามมาเมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์ตามลงมาพร้อมอาวุธครบมือ ร่างโปร่งก่นด่าชายผ้าที่รุ่ยร่ายน่ารำคาญที่ตนกำลังสวม ครั้นจะให้ถอดทิ้งก็อุบาทว์เกินทน สุดท้ายเลยได้แต่หอบชายผ้าวิ่งลิ่วๆออกไปอย่างรวดเร็ว




ผู้คนที่แตกฮือออกจากห้องโถงหนึ่งในนั้นมีชายหนุ่มชาวต่างชาติเจ้าของดวงตาสีมรกต ร่างกายขาวสะอาดสวมเพียงเครื่องแต่งกายท่อนล่างเร่งฝีเท้าไปตามทาง เขาไม่มีเวลามาสนใจว่าเศษผ้าที่เขาสวมคลุมกายนี้จะเปิดไปถึงไหนต่อไหน การเอาตัวรอดในตอนนี้เป็นสิ่งที่เขาควรจะให้ความสนใจมากที่สุด ระหว่างที่กำลังวิ่งหลบกระสุนและกลุ่มคนที่กำลังตามมาด้านหลังอย่างไม่คิดชีวิต สายตาเขาก็กวาดไปพบกับชายหนุ่มหน้าคมเข้มที่กำลังเดินเร็วๆไปยังรถจีปที่จอดนิ่งอยู่ในลาน


ไอ้ทุเรศจาร์วาร์ด!’ ชายหนุ่มคำรามในลำคอ โทสะเล่นไปทั่วร่างราวกับร่างกายได้รับพิษร้าย ความร้อนวูบวาบที่มาสุมอยู่บนใบหน้าเขาบอกได้เลยว่ามันคือความโกรธผสมปนเปไปกับความหงุดหงิด เขาพลาดการเข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์เป็นครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกเขาทำพลาดด้วยตนเอง...นั่นเพียงพอที่จะทำให้เขานึกพาลไปหมดทุกสิ่ง เจ้าของร่างขาวๆกระโจนขึ้นรถจีปไปนั่งข้างๆคนขับอย่างรวดเร็ว


“เฮ้! ว่าไง—อั่ก!!!” ทันทีที่หันหน้ามาทักชายหนุ่มหน้าเข้มหน้าหันกลับด้วยแรงหมัดที่พุ่งสวนเข้าไปหน้าอย่างจัง ก่อนคนที่ปล่อยหมัดใส่แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยจะออกปากสั่งให้เขาสตาร์ทรถเสียที


“เร็วเข้าซิ! จะปล่อยให้มันมายิงพรุนทั้งคู่หรือไง!


“ผมรีบอยู่เห็นไหม! คุณนั่นแหละขึ้นมาบนรถผมทำไม!


“มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน...เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว! หรือถ้าคุณจะไม่ยอมให้ผมไปด้วยก็ไม่เป็นไรเพราะถ้าผมโดนพวกมันจับไปได้ผมจะบอกมันว่าคุณเป็นคนสั่งผมไปขโมยของของพวกมัน...แล้วทีนี้พ่อค้าตลาดมืดอย่างคุณจะมีอะไรแก้ตัวตอนโดนมาเฟียเจ้าถิ่นตามล่าค่าหัวบอกผมหน่อย” แฮร์รี่ สไตลส์ ไม่ใช่คนที่ยอมให้ตัวเองเข้าตาจนง่ายๆ...เรื่องนี้เซน จาร์วาร์ด มาลิค ควรจะต้องเรียนรู้อย่างเร่งด่วน...การขัดขาเหล่าผู้มีอิทธิพลไม่ใช่วิสัยพ่อค้าตลาดมืด เพราะนอกจากจะทำให้ช่องทางทำมาหากินแคบลงแล้วบางทีอาจจะทำให้ชีวิตต้องยุ่งยาก


ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมเข้มแยกเขี้ยวใส่คนที่นั่งข้างๆ เขาล่ะนึกชังใบหน้าสวยๆนี่ขึ้นมาตงิดๆ...เขาเชื่อว่าพวกกลุ่มติดอาวุธคงยินดีจะเชื่อคำพูดเจ้าโจรตัวแสบคนนี้แน่ๆ เพราะว่ายังไงเขาก็เป็นพ่อค้าตลาดมืด...เป็นที่รู้กันว่าของบางอย่างไม่ได้ได้มาอย่างใสสะอาดอยู่แล้ว เพียงแค่เจ้าโจรนี่ซัดทอดมั่วๆว่าเขาเป็นคนว่าจ้างเขาคงโดนหางเลขไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย


“ถ้าจะไปด้วยกันก็เกาะให้แน่นๆ...” ว่าเท่านั้นก่อนจะเหยียบคันเร่งถอยรถอย่างเร็วจนผู้คนที่วิ่งพล่านแตกฮือ เจ้าของรถหักพวงมาลัยอย่างรวดเร็วจนรถแทบจะเสียศูนย์ ก่อนจะเหยียบคันเร่งอีกครั้งพร้อมตบเกียร์อย่างชำนิชำนานจนรถกระโจนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นกลุ่มติดอาวุธด้านหลังก็ยังไม่ยอมแพ้...เมื่อขึ้นรถได้ก็เร่งเครื่องตามมาทันที


“มีปืนไหม!” เจ้าของดวงตาสีมรกตถามแหวกเสียงลม เขาพยายามมองหาช่องที่อีกฝ่ายจะใช้เก็บปืนแต่กลับไม่เจอของที่ต้องการ จะมีก็แต่เศษขยะเต็มไปหมด


“เบาะหลัง!! อยู่เบาะหลัง!!!” แฮร์รี่ยกตัวพาดข้ามไปเบาะหลังโดยที่ช่วงตัวด้านล่างยังคงอยู่ที่เบาะหน้า เขาค้นหาของที่ต้องการอย่างเร่งด่วน แต่ดูเหมือนรถที่ขับโยกไปมาจะเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ เพราะกล่องใส่ปืนไหลไปมาจนจับไม่อยู่ซึ่งแน่นอนว่านั่นทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นเป็นเท่าตัว


“โธ่โว้ย!!!


การพยายามของแฮร์รี่ดูจะไม่สำเร็จง่ายๆ เมื่อพวกที่ไล่ตามมาด้านหลังยิงปืนไล่มาจนคนที่เป็นฝ่ายขับรถต้องหักรถหลบ กล่องปืนจึงลื่นไถลห่างมืออกไปอีกครั้ง แฮร์รี่สบถอย่างหัวเสียพยายามจะคว้ากล่องปืนให้อยู่เขาจึงต้องขยับตัวโน้มไปด้านหน้ามากกว่าเดิม


“โว้วววว!!!” เสียงคนขับสบถดังลั่น รถโคลงไปชั่ววูบหนึ่งซึ่งมันไม่ได้มาจากการหักหลบกระสุน แต่เป็นเพราะคนขับเผลอมองเรียวขาขาวๆของคนที่กำลังเอื้อมหยิบปืนนานไปหน่อยเขาจึงเสียสมาธิในการขับรถไปชั่วครู่ ยิ่งขับรถเร็วมากเท่าไหร่แรงลมก็ยิ่งพัดผืนผ้าบางเบาที่อีกฝ่ายสวมให้ยิ่งแหวกจนเผยเรียวขาขาวๆอย่างห้ามไม่อยู่


“ขับนิ่งๆได้ไหม!!


“รีบหยิบมาก่อนจะตายทั้งคู่เถอะน่า!!” เซนตัดบท รู้สึกใบหน้าร้อนวูบวาบจนต้องพยายามหาอะไรมาคิดให้ลืมภาพเรียวขาขาวๆของอีกฝ่าย...ขาเริ่มท่องพยัญชนะอาหรับอย่างช้าๆเพื่อให้สมองไปสนใจเรื่องอื่นแทน อลีฟ...บา...ตา...ซา...ขาขาวๆ...ไม่! เอาใหม่...อลีฟ...บา...ตา...ซา...สะโพก...พระเจ้าทรงโปรด!!! ทำยังไงก็ได้ให้เขาลืมภาพนี้เสียที!


พวกที่ตามมาก็ดูเหมือนจะไม่ยอมถอยง่ายๆ ทางนั้นสาดกระสุนมาไม่ยั้งราวกับมันมีกระสุนเหลือมากมายเป็นคลังแสง กระสุนหลายนัดเจาะเข้าที่ข้างรถจนทะลุเป็นรูโหว่ แฮร์รี่นึกโมโหจนอยากจะให้สิ่งที่มีติดรถเป็นระเบิดมือไม่ใช่ปืนพกธรรมดาๆ จะได้จับเขวี้ยงให้ระเบิดตายไปทั้งคันรถแบบนั้นคงประหยัดแรงไปเยอะ


“ได้แล้ว!!” เสียงดังมาจากเบาะหลัง แฮร์รี่คว้ากล่องใส่ปืนมาเปิดแล้วเริ่มทำการบรรจุกระสุน เขานึกชอบใจปืนกระบอกนี้ไม่น้อย เพราะมันคือเฮคเลอร์ แอนด์ คอช รุ่นเอ็มพีเซเว่น(Heckler & Koch : MP7) พร้อมซองกระสุนขนาด40นัด ใช้เวลาเตรียมปืนไม่นานแฮร์รี่ก็เอี้ยวตัวกลับไปพร้อมยิงใส่พวกที่ขับตามหลังมาในทันที



ปัง! ปัง! ปัง!



ทุกนัดยิงหวังผล...แฮร์รี่เล็งเข้าที่ยางสลับกับเปลี่ยนมายิงจู่โจมอีกฝ่าย นึกขอบคุณเจ้าพ่อค้าตลาดมืดที่รสนิยมป่าเถื่อนไม่น้อย เพราะกระสุนที่อีกฝ่ายเลือกมาคือกระสุนเจาะเกราะซึ่งอานุภาพรุนแรงจนสามารถเจาะทะลุยางหนาๆได้ภายในการยิงเพียงไม่กี่นัด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแฮร์รี่นึกขอบคุณความแม่นยำของตนเองมากกว่าที่ไม่ต้องเปลืองกระสุนมากมายก็สามารถทำให้รถของอีกฝ่ายวิ่งต่อไม่ได้ สุดท้ายภาพของกลุ่มคนที่กำลังหัวเสียก็กลายเป็นเพียงจุดเล็กๆอยู่ที่ปลายสายตาเมื่อรถของพ่อค้าตลาดมืดแล่นห่างออกมาเรื่อยๆ


“เป็นไง...”


“พวกมันไม่ตามมาแล้ว...เฮ้!!! คุณโอเคไหม!


“ผมโอเคน่า...คุณนั่งไปเฉยๆเถอะ แล้วก็คลุมไว้ซะ” คนพูดดึงคาฟีย่าห์ออกจากศีรษะส่งให้คนที่นั่งข้างๆ เจ้าของดวงตาสีมรกตรับผืนผ้าสีขาวมาถือไว้พร้อมกับมองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถทั้งๆที่แขนเสื้อข้างซ้ายชุ่มโชคไปด้วยเลือด คิดว่าแขนอีกฝ่ายคงโดนกระสุนถากเข้าจากการยิงปะทะกันเมื่อครู่


“ขอบใจ...” แฮร์รี่จับผ้าผืนหนามาคลุมไหล่เอาไว้ ผ้าผืนใหญ่พอจะคลุมร่างเขาทั้งร่าง


“มันจะเป็นพระคุณอย่างมาก ถ้าคุณยอมบอกผมว่าพวกมันตามล่าคุณทำไม?” คนถามเหลือบตามามองครู่หนึ่งก่อนจะหันไปสนใจขับรถฝ่าทะเลทรายเวิ้งว้างตรงหน้าต่อ แฮร์รี่เม้มปากเป็นเส้นตรงอย่างครุ่นคิด..ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังเขาแค่ขี้เกียจจะอธิบายเท่านั้นเอง แต่ว่าในเมื่อทางนั้นยอมร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันถึงขนาดนี้แล้ว เขาคิดว่าเขาก็ควรที่จะบอกอะไรอีกฝ่ายบ้าง


“ผมแค่มาเอาเพชรของราชินีคืน...”


“เพชรควีนฮาร์ท? อย่าบอกผมนะว่ามันคือควีนฮาร์ทเดียวกับเพชรบนมงกุฎของควีนอย่างในข่าวลือ...”


“...” ความเงียบเป็นคำตอบที่แฮร์รี่มีให้ เซนนึกอยากจะทึ้งหัวตัวเองเสียเดี๋ยวนั้น! เขาเองก็ตามล่าเพชรควีนฮาร์ทมานานจนเริ่มถอดใจไปแล้ว แต่การที่อีกฝ่ายมาบอกว่าควีนฮาร์ทยังอยู่บนผืนแผ่นดินนัฟตาทำให้เลือดในกายเขาไหลพล่านอย่างห้ามไม่อยู่ ราวกับจะเห็นกองเงินกองทองมาวางอยู่ตรงหน้าในอนาคตอันไกลลิบๆ


“มันถูกเปลี่ยนมือไปจนถึงพ่อค้าเพชรรัสเซียแล้วนี่!!


“ไม่...นั่นแค่ข่าวลวง...มันยังอยู่ที่นี่...อยู่ในวังอัล-ฟาบีย่าห์...”


“คุณรู้ได้ยังไง?”


“ก็ผมเป็นคนเอาไปไว้ที่นั่นเอง” คนขับรถหันมามองคนพูดทันที ถ้าหากมันไม่ใช่สถานการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นจากการถูกไล่ยิ่งโดยกลุ่มติดอาวุธ เซนคงคิดว่าอีกฝ่ายเสียสติ...หากเป็นในเวลาปกติใครมาพูดว่าเป็นคนซ่อนเพชรควีนฮาร์ทไว้ในวังที่มีการอารักขาแน่นหนากว่าเซฟตี้ล็อคของตู้เซฟในธนาคารโลกเขาคงขำจนกรามแทบค้าง


“ได้โปรด...บอกผมว่าคุณล้อเล่น”


“...” ใบหน้าจริงจังของแฮร์รี่ทำเอาเซนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง เขาอ้าปากค้างแล้วหุบแล้วก็อ้าปากเหมือนจะพูอะไรอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงใดใดเล็ดรอดออกมา


“งั้นที่คุณอยากเข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์ก็เพราะ...” เซนถามขึ้นราวกับเพิ่งหาเสียงของตนเองเจอ ใบหน้าคมเข้มดูอีหลักอีเหลือกจนคนมองต้องกลั้นขำแทบตาย


“ใช่...ผมจะไปเอาควีนฮาร์ทคืน...ผมไปขโมยมาจากไอ้พวกที่ล่าเราก่อนที่มันจะส่งขายให้พ่อค้าชาวรัสเซีย แล้วก็เอาไปซ่อนไว้ในห้องนอนของชีคอับบาซเมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถึงแก่กรรมก่อนวัยอันควร...ผมเลยต้องหาทางกลับเข้าไปเอาออกมาก็เท่านั้น” แฮร์รี่ไหวไล่ราวกับมันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่คนฟังกลับไปจนคำพูดอีกครั้ง...ให้ตายเถอะ! นี่เขากำลังพัวพันกับเรื่องใหญ่เกินกว่าที่คิดเสียแล้ว


“เดี๋ยวนะ...แล้วคุณทำยังไงถึงเอาไปไว้ในห้องนอนของชีคคนก่อนของวังอัล-ฟาบีย่าห์ได้!


“ก็...ต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างล่ะนะ...” คำว่า แลกมาด้วยอะไรบางอย่าง นั้นคนข้างๆใช้น้ำเสียงที่เรียกได้ว่า ยั่วเย้า จนทำเอาคนฟังคิดเตลิดไปถึงไหนต่อไหน พลันภาพเรียวขาขาวๆของอีกฝ่ายก็กลับมาฉายซ้ำในหัวราวกับมีใครไปเปิดผนึก ซ้ำร้ายเขายังกำลังจินตนาการต่อไปถึงตอนที่เรียวขาขาวนั่นกำลังรัดรอบเอวของเขาอย่างแนบแน่น


“คุณต้องล้อเล่นแน่ๆ!


“ผมแลกมาด้วยการเสี่ยงตายเป็นสิบครั้งไง...คุณคิดว่าผมแลกมาด้วยอะไรไม่ทราบ!” เสียงหัวเราะกวนประสาททำเอาเซนอยากจะขยำคออีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาเริ่มรู้สึกล้าแล้ว...อาจจะเป็นเพราะแขนเขายังมีเลือดไหลไม่หยุด ถึงมันจะไม่ได้ถูกกระสุนฝัง แต่ว่าถ้าหากไม่ได้รับการรักษาเขาอาจจะเสียเลือดจนตายภายในไม่กี่ชั่วโมง


“มีอารมณ์ขันเสียจริง...แล้วจากนี้คุณจะเอายังไงต่อ”


“ผมก็ต้องกลับไปหาทางเขาวังอัล-ฟาบีย่าห์ให้ได้แล้วก็ไปเอาควีนฮาร์ทกลับมาก็เท่านั้น”


“พูดเหมือนง่าย...ตั้งแต่ชีคอับบาซถูกลอบฆ่า วังอัล-ฟาบีย่าห์ก็เพิ่มการอารักขามากขึ้นเป็นสองเท่า เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นกับชีคมูบาร็อกอีก...และ! คุณควรจะรู้ไว้นะว่าชีคมูบาร็อกไม่ได้ใจดีแบบชีคอับบาซ”


“ผมรู้น่า...ความจริงก็ไม่อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะ! แต่ว่าคุณพอจะหาทางพาผมเข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์ได้ไหม?”


“หึหึ! ผมจะได้อะไรไม่ทราบ?” แฮร์รี่เพิ่งคิดได้ว่าเขาไม่น่าจะไปหวังความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายเลย คนที่หวังแต่กำไรไม่ยอมขาดทุนแบบหมอนี่ในหัวคงมีแต่การค้าทั้งนั้นแหละ


“คุณอยากได้อะไรล่ะ...อะไรที่ผมหาให้ได้ผมก็ยินดีหาให้!


“อืม...ผมยังคิดไม่ออกว่าผมอยากได้อะไร แต่วิธีเข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์น่ะมีแน่...คุณจะยอมไว้ใจผมไหมล่ะ?” แฮร์รี่รู้ดีว่ามันเป็นคำถามที่ไม่มีตัวเลือก ไม่ว่าเขาจะไว้ใจหรือไม่เขาก็ต้องยอมเสี่ยงเดินตามเกมของอีกฝ่ายเท่านั้น เพราะตอนนี้ในมือเขาไม่มีไพ่ตายใบไหนเหลือแล้ว ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็ไร้ทางเลือกโดยสิ้นเชิง


“ผมไม่ไว้ใจคุณ...แต่ผมจะยอมเสี่ยงดูซักครั้ง ผมไม่มีอะไรให้เสียแล้วผมเหลือทางเลือกเดียวคือเทหมดหน้าตัก...”


“เลือกได้ดี...งั้นก่อนอื่นเราไปเยี่ยมเพื่อนเก่ากันก่อนดีกว่า...” คนเจ้าเล่ห์ว่าพร้อมหักพวงมาลัยรถไปทางตะวันตก และขับไปเรื่อยๆราวกับไร้จุดหมายบนทะเลทรายที่กว้างใหญ่ผืนนี้




...




สองวันเต็ม...นั่นคือเวลาที่ เซน จาร์วาร์ด มาลิค หลับไปหลังจากที่ขับรถพาตนเองและคนที่ถูกเรียกว่า คริสตัลจากกรีทบริเทน มาจนถึงหมู่บ้านเล็กๆกลางทะเลทราย ดวงตาคมเข้มกระพริบช้าๆ นัยน์ตาพร่ามัวจนเห็นภาพจุดเลือนๆลอยอยู่เต็มไปหมด ไม่นานหลังจากนั้นทัศนวิสัยของเขาก็ชัดเจนขึ้นภาพแรกที่เขาเห็นคือเพดานกระโจมผ้าดิบเก่าๆ เมื่อเหลียวมองรอบตัวก็พบว่าเขากำลังนอนอยู่บนที่นอนซึ่งเป็นเพียงตั่งไม้เก่าๆที่ปูทับด้วยผ้าขนสัตว์เท่านั้น


“ตื่นซักที...เจ้าหญิงนิทรา” น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายดังมาจากคนที่เพิ่งเปิดกระโจมเข้ามา เซนยังไม่สามารถเรียบเรียงความคิดที่กระจัดกระจายให้เข้าที่ เขาจึงได้แต่หลับตาแน่นแล้วก้มหน้าร้องครางอย่างหมดท่าเพราะความมึนผสมกับความปวดจากบาดแผลที่แล่นริ้วไปถึงปลายนิ้ว


“ผมนอนไปนานแค่ไหน?”


“สองวัน...นึกว่าจะต้องจูบปลุกซะแล้ว” คนพูดเอ่ยทีเล่นทีจริง หลังจากอีกฝ่ายขับรถพาขามาถึงหมู่บ้านเล็กๆของชนเผ่าเบดูอินทางนั้นก็สลบเหมือดไปในทันที แต่ดูเหมือนผู้คนที่นี่จะรู้จักกับคนหน้าเข้มมาก่อนเขาจึงได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว บาดแผลที่แขนของคนที่นอนสลบถูกทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย นั่นทำให้แฮร์รี่นึกถึงแผลของตนเองขึ้นมาแต่ว่าถึงตอนนี้มันก็ไม่ได้เจ็บอะไรแล้วเขาเลยไม่ได้ใส่ใจมากนัก


“เป็นพระคุณมากที่ไม่จูบปลุกผม...”


“เอ้า...ดื่มซะ! เขาบอกให้เอามาให้คุณดื่มหลังจากคุณตื่น กำลังร้อนๆพอดี” เซนรับแก้วที่มีฝาปิดมาจากอีกฝ่าย เมื่อเปิดฝาเล็กๆนั่นออกก็พบว่ามันเป็นนมสีขาวนวลที่มีควันลอยโก่ เขาค่อยๆละเลียดดื่มนมร้อนในแก้วอย่างไม่รีบร้อน กลิ่นเฉพาะตัวบอกเขาว่ามันคือนมแพะ รสหวานแบบธรรมชาติช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นอย่าน่าประหลาด ทุกครั้งที่ดื่มความร้อนจะไหลวาบผ่านลำคอลงไปยังกระเพาะซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่เยี่ยมยอดจริงๆ


“ขอบคุณ...”


“ทำไมคนที่นี่ดูเต็มใจต้อนรับคุณ” แฮร์รี่เปิดประเด็นถามขึ้นตามความสงสัยที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดสองวัน ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาเหยียบหมู่บ้านเล็กๆของชาวเบดูอินเขาก็ถูกต้อนรับอย่างดี...ดีเกินไปด้วยซ้ำ ทั้งอาหารการกินที่ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงขั้นหรูหราแต่ก็ดีกว่าเศษขนมปังที่เขาพกติดตัวเป็นไหนๆ  ที่นอนอุ่นสบาย เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านที่กำลังสวม...มันดีเกินกว่าจะเชื่อว่าเขาจะไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนตามหลัง และถ้ามีเซอร์วิสชาร์จละก็ แฮร์รี่เดาว่าเขาคงโดนเรียกเก็บจนบิลยาวเป็นหางว่าว


“ผมเองก็เป็นเบดูอินที่เติบโตและเร่ร่อนไปทั่วทะเลทรายก่อนจะผันตัวมาเป็นพ่อค้าอย่างทุกวันนี้...สำหรับชาวเบดูอินบ้านไม่ได้อยู่ที่สถานที่...แต่มันอยู่ที่คนต่างหาก...” เซนพูดพร้อมเกี่ยวสร้อยคอหนังที่ร้อยเข้ากับจี้เหรียญเงินเบี้ยวๆให้ดู บนนั้นมีตัวอักษรอาหรับที่แฮร์รี่ไม่เข้าใจนักแต่คิดว่ามันคงจะเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง “เราพร้อมจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอเพราะเราคือครอบครัว...แม้ผมจะไม่ได้เติบโตมากับเบดูอินกลุ่มนี้หรือต่อให้ไม่มีใครในนี้รู้จักผม...แต่พวกเขาจะรู้ได้จากเหรียญนี่ว่าผมมีเลือดเบดูอินไหลเวียนอยู่ในตัวเช่นกัน มันเป็นเรื่องของสายสัมพันธ์...อะไรเทือกๆนั้นน่ะนะ...” เซนไหวไหล่เหมือนเรื่องที่เล่ามันเป็นเรื่องทั่วๆไป แต่แฮร์รี่รู้ดีว่ามันคงยากลำบากมากกว่าจะผ่านช่วงเวลาที่ต้องเติบโตพร้อมกับเร่ร่อนไปทั่วทะเลทรายอันกว้างใหญ่แห่งนี้


“ผมว่าเท่ดี...คำว่าเบดูอินน่ะ...” เซนเหลือบมองคนพูด เขาไม่ค่อยเข้าใจความหมายนักแต่จะถือว่านั่นเป็นคำชมก็แล้วกัน...ดวงตาคมมองสำรวจคนที่นั่งอยู่บนตั่งอีกตัวหนึ่งซึ่งห่างไปไม่ถึงเมตร ทางนั้นสวมโต๊ปยาวสีดำสนิทตัดกับผิวขาวๆ เรือนผมยาวหยักศกสีเปลือกไม้ถูกรวบไปไว้ด้านหลังเผยให้เห็นใบหน้าขาวกระจ่างอย่างชัดเจน ดวงตาคู่งามดูคมเข้มขึ้นจากการเขียนขอบตาที่ยิ่งขับให้ดวงแก้วสีมรกตนั่นเด่นชัด...ความงามล้นเหลือสมคำว่า คริสตัลจากกรีทบริเทน


 “คุณเองก็เหมาะกับโต๊ปดีนะ...ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณใส่ที่โอเอซิสของผมผมไม่ทันมอง...” เซนเอ่ยปากชมออกมาง่ายๆก่อนที่จะกระดกนมดื่มราวกับเรื่องที่พูดเมื่อครู่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร  คนถูกชมเหลือบมองคนพูด...แฮร์รี่เบะปากอย่างไม่อยากจะยอมรับว่าเขาเผลอใจเต้นไปกับคำพูดเหล่านั้น คำชมจากปากของชายที่สวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายตัวเดียวแล้วดูดีราวกับหลุดมาจากปกนิตยสารแฮร์รี่ไม่อยากจะรู้สึกยินดีไปด้วยหรอก...


แฮร์รี่มองคนที่นั่งตรงข้าม ทางนั้นกำลังนั่งชันเข่าข้างหนึ่งอยู่บนตั่งไม้โดยสวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายสีหม่นเนื้อหนา หน้าท้องขึ้นลอนสีน้ำผึ้งจางๆนั่นบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงดูแลสุขภาพไม่ขาด ขนาดผ้าพันแผลบนท่อนแขนยังดูราวกับเครื่องประดับที่ให้ความรู้สึกสมชายชาตรีในแบบแปลกๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เซน จาร์วาร์ด มาลิค พ่อค้าตลาดมืดคนนี้ดูดีไร้ที่ติไปทุกกระเบียดนิ้ว...


“แล้วเราจะเอายังไงต่อ?” แฮร์รี่ไม่ได้กล่าวขอบคุณหรือตอบรับคำชมนั่น เขาคิดว่าอีกฝ่ายก็คงพูดไปอย่างนั้นเองจึงไม่อยากจะเก็บมาใส่ใจมากนัก อีกอย่างเขายังมีเรื่องที่สำคัญกว่าให้ต้องคิด...การเข้าไปยังวังอัล-ฟาบีย่าห์...อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้รีบร้อน แต่เพียงแค่ไม่แน่ใจว่าจะเข้าราชวังสีงาช้างนั่นได้อย่างไรก็เท่านั้น


“แค่ทำตามที่ผมบอกก็พอ...”


...


..


.


.



ไอ้ทุเรศจาร์วาร์ด!!!!’



เป็นอีกครั้งที่แฮร์รี่ตะโกนด่าพ่อค้าตลาดมืดจอมกวนประสาทในใจ...เขานึกอยากจะล้มเลิกแผนเสียตอนนี้แล้วหาทางกลับอังกฤษให้รู้แล้วรู้รอด แต่ในเมื่อทุกๆอย่างมันมาถึงขนาดนี้แล้วเขาก็ทำได้แค่ยอมถูกตีตรวนบนข้อมือและข้อเท้าทั้งสองข้างพร้อมๆกับถูกฉุดกระชากไปตามทางท่ามกลางสายตาของคนทั้งเมือง มันคงจะไม่มีปัญหาถ้าเขาไม่ได้อยู่ในชุดบ้าบอคอแตกที่แทบจะไม่ปกปิดอะไรเลย เขาอยากจะเรียกมันว่าเศษผ้าด้วยซ้ำไปอย่าเรียกว่าชุดเลย!



แฮร์รี่มองแผ่นหลังของคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า ทางนั้นแต่งตัวเต็มยศเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรก...ทั้งโต๊ปยาว คาฟีย่าห์สีขาวสะอาดที่คาดทับด้วยเชือกอีกัลป์ แฮร์รี่ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายคงจะกำลังตีขรึมวางมาดเป็นพ่อค้าตลาดมืดผู้น่าเกรงขามอยู่แน่ๆ



“มีธุระอะไร!” เสียงทหารยามดังขึ้นเมื่อเซนพยายามจะลากตัวแฮร์รี่ผ่านประตูราชวังเข้าไป แฮร์รี่กลอกตาไปมาอย่างเซ็งจัด...มีคนสติดีที่ไหนจะเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าวังตอนกลางวันแสกๆบ้าง? คงมีเจ้าพ่อค้าสติไม่ดีคนนี้แหละคนแรก...



“เราเอาทาสที่ท่านชีคมูบาร็อกประมูลมาจากตลาดที่ดาห์แรมมาส่ง...เราล่าช้าไปถึงสองวันแล้ว ถ้าหากพวกท่านจะเมตตากรุณาพาเราไปพบท่าชีคด้วยเถอะ” น้ำเสียงเหมือนจะขอร้องแต่แฮร์รี่รู้ดีว่านั่นมันเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น เจ้าบ้าจาร์วาร์ดไม่มีทางใช้น้ำเสียงแบบนั้นเพื่อขอร้องใครแน่ๆเขาพนันได้เลย



“ตามเรามา...” นายทหารคนหนึ่งออกเดินนำ ส่วนอีกคนยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ เซนหันมาขยิบตาให้แฮร์รี่ทีหนึ่งราวกับจะบอกว่า เห็นไหม...แผนนี้ได้ผล แฮร์รี่ได้แต่ขยับปากด่าแบบไม่มีสีเสียงกลับไปเท่านั้น เมื่อเดินไปถึงประตูทางเข้าราชวังทั้งสองคนก็ถูกตรวจค้นอาวุธ เสร็จแล้วจึงถูกพาเดินต่อไปตามทางเดินหินอ่อนมันปลาบ


ท้องพระโรงในราชวังสีงาช้างงดงามสมคำร่ำลือ...ผลงานศิลปะแต่ละชิ้นที่ชีคคนก่อนๆเลือกมาตกแต่งล้วนแล้วแต่งดงามและหาชมได้ยากยิ่ง ทั้งแจกันทรงแปลกตาจากแคชเมียร์ พรมเปอร์เซียที่ทอด้วยมือจากตุรกี หรือว่าจะเป็นภาพวาดผลงานของศิลปินระดับโลกจากยุคกลางก็ยังมีให้เห็น แต่ในหัวของพ่อค้าตลาดมืดไม่ได้ชื่นชมความงามของเหล่างานศิลปะเหล่านั้นแม้แต่น้อย เขากำลังประเมินคุณภาพของงานแต่ละชิ้นพร้อมกับตีราคาคร่าวๆ 



“รอตรงนี้...” นายทหารคนที่เดินนำว่าเรียบๆก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง แฮร์รี่ขยับตัวอย่างอึดอัด เขารำคาญตรวนที่ข้อมือและข้อเท้าจะแย่ มันทั้งหนักและน่ารำคาญ



“คุณจำได้ไหมว่าเอาซ่อนไว้ตรงไหน...” เซนถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิวเพราะกลัวว่าจะมีใครผ่านมาได้ยินเข้า เซนเอื้อมมือมาไขกุญแจปลดพันธนาการออกจากข้อมือขาว ก่อนจะก้มลงไปไขกุญแจที่ข้อเท้าให้ แฮร์รี่อยากจะท้วงแต่ไม่ทันเสียแล้ว เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลทองย่อตัวลงเบื้องหน้าเขา ตั้งใจปลดพันธนาการที่พันรอบข้อเท้าให้อย่างเบามือ...ดวงแก้วสีมรกตทอดมองคนที่คุกเข้าอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลายที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่สามารถอธิบายได้


“จำได้...แต่ก็ได้แต่หวังว่ามันจะยังอยู่ที่เดิม” แฮร์รี่ตอบเรียบๆ เขากำลังกังวลว่าจะมีใครมาเจอเพชรควีนฮาร์ทไปก่อน ในใจภาวนาให้มันยังอยู่ที่เดิม 



“ท่านชีคอนุญาตแล้ว...เข้ามาได้...” บทสนทนาของทั้งสองคนหยุดลงตรงนั้นเมื่อนายทหารคนเดิมเดินออกมาจากห้องที่เขาเดินเข้าไปเมื่อครู่ ใบหน้าคมคายตามแบบอาหรับเรียบนิ่งเช่นเดิม ประตูไม้สักบ้านใหญ่เปิดอ้าออกเซนเดินนำแฮร์รี่เข้าไปในห้องส่วนตัวของชีคมูบาร็อก


ดวงตาสีมรกตของแฮร์รี่ทอประกายด้วยความชอบใจ ห้องส่วนตัวของชีคอับบาซซึ่งแม้ว่าในตอนนี้จะกลายมาเป็นของชีคมูบาร็อกแล้วแต่ทุกอย่างภายในห้องยังคงเหมือนเดิมแทบทุกกระเบียดนิ้ว จะมีที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยคือมีชั้นหนังสือเพิ่มขึ้นและโต๊ะทำงานตัวใหม่ แต่โดยรวมแล้วทุกอย่างแทบไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน



“ท่านชีค...” เซนค้อมตัวอย่างนอบน้อมให้กับคนที่เดินถือหนังสือออกมาจากห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อกัน ชายสูงศักดิ์แต่งกายด้วยชุดโต๊ปสีครีมปักดิ้นเงินแต่ไม่ได้สวมคาฟีย่าห์ ใบหน้าคมคายหล่อเหลามีส่วนคล้ายคลึงชีคอับบาซผู้เป็นลุง ทันทีที่ดวงตาคมสีรัตติกาลของผู้ที่มีศักดิ์สูงที่สุดในห้องทอดมายังร่างงามระหงส์รอยยิ้มพึงใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชีคหนุ่มในทันที



“ท่านจาร์วาร์ด...” สุ่มเสียงนั้นฟังดูมีเมตตาเหลือคณา แต่คนถูกเรียกชื่อกลับรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เซนทำเพียงแตะหน้าผากลงกับหลังมือที่ยืนมาตรงหน้าแล้วก้าวถอยหลังไปยืนอยู่เงียบๆที่มุมด้านหนึ่ง ปล่อยให้ชีคหนุ่มสืบเท้าเข้าใกล้คนที่เขาพามาด้วย



ชีคมูบาร็อก บินอุสมาน มูซา มูอัสซิน เป็นชายหนุ่มร่างโปร่งกำยำไม่แพ้พ่อค้าตลาดมืดอย่างเซนแม้แต่น้อย ใบหน้าคมคายตามแบบฉบับตะวันออกกลาง นัยน์ตาสีรัตติกาลดูลึกล้ำเกินหยั่ง...แฮร์รี่รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆยามที่ถูกดวงตาคู่นี้จ้อง มันคล้ายๆกับการจมน้ำ...ทั้งอึดอัดและรำคาญอย่างหาที่มาไม่ได้ เรียวนิ้วแกร่งของชีคหนุ่มยื่นมาเชยคางคนตรงหน้าขึ้นอย่างนุ่มนวลแต่ถึงกระนั้นแฮร์รี่ก็ยังไม่ค่อยชอบใจอยู่ดี



“งดงาม...สมกับเป็นคริสตัลจากเกาะอังกฤษ...เราคงยินดีที่จะได้อวดอ้างกับใครต่อใครว่าเรามีอัญมณีล้ำค่าเช่นนี้ในมือ...” สุ่มเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยอย่างชื่นชม ทั้งๆที่ทางนั้นใช้น้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟังแต่แฮร์รี่กลับรู้สึกคลื่นเหียนกับคำพูดของชายสูงศักดิ์ตรงหน้า คำหวานเหล่านั้นพาแฮร์รี่หวนนึกถึงคำชมจากคนที่ยืนนิ่งๆห่างไปไม่ไกลนัก...น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกอย่างนั้นกับคำชมจากเซน...คำชมจากปากพ่อค้าตลาดมืดที่ไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์ ใดใด...แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกดีกว่าเป็นไหนๆ



“ถ้าอย่างนั้นกระผมขอตัวก่อน...” เซนค้อมตัวให้ แต่ก่อนจะเดินออกจากห้องส่วนตัวของชีคหนุ่มแห่งวังอัล-ฟาบีย่าห์เขาก็ถูกกระแสเสียงนุ่มทุ้มเรียกเอาไว้เสียก่อน



“ท่านจาร์วาร์ด...หากท่านไม่ได้รีบไปไหนโปรดรอทานมื้อเย็นกับเราก่อน เรามีความยินดีที่จะต้อนรับท่านในฐานะผู้ที่ส่งมอบความงามนี้แก่เรา...” ฝ่ามือแกร่งผายมายังคนที่ยืนข้างๆเป็นการบอกว่าความงามที่พูดถึงนั้นหมายถึงเจ้าของดวงตาสีมรกตไม่ใช่ใคร



“ด้วยความยินดีครับท่านชีค” เซนผงกศีรษะให้พร้อมรอยยิ้มการค้า ก่อนจะเดินจากไปปล่อยให้คนสองคนในห้องได้มีเวลาส่วนตัวเงียบๆ



“สองวัน...นานเหมือนสองปี เราคิดว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกเสียแล้ว...” ชีคหนุ่มพูดด้วยภาษาอังกฤษที่ลื่นไหลพร้อมกับเดินนำแฮร์รี่ผ่านทางเชื่อมไปยังห้องนอนส่วนตัว “วันนั้นที่ดาห์แรมเราไม่คิดว่าจะมีการปล้นเกิดขึ้นเลยต้องคลาดกันเช่นนี้ เราดีใจมากตอนที่ท่านจาร์วาร์ดติดต่อกลับมา...ไม่เช่นนั้นเราคงเสียใจมากที่ความงดงามเช่นนี้หลุดมือไป...” เรียวนิ้วแกร่งจับปอยผมสีเปลือกไม้ไปทัดเอาไว้หลังใบหูขาว ดวงตาสีรัตติกาลจับจ้องดวงหน้าขาวผุดผาดไม่วางตา



“ผม...มีค่าขนาดนั้นเลยหรอครับ...” แฮร์รี่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นตื่นกลัว แต่ในหัวของเขากำลังรู้สึกรำคาญสายตาของคนตรงหน้าจนอยากจะใช้ส้อมทองเหลืองที่วางโชว์อยู่ในตู้มาควักลูกตาอีกฝ่ายออกให้มันรู้แล้วรู้รอดไป



“อย่าดูถูกความงามของตนเองเช่นนั้นเลย...” เจ้าของเสียงนุ่มว่าพร้อมจับจูงอีกฝ่ายไปยังโซฟาหลุยส์ ชีคหนุ่มนั่งลงที่โซฟาเงียบๆก่อนจะดึงร่างอีกฝ่ายลงนั่งตักอย่างรวดเร็วจนคนถูกดึงแทบไม่ทันตั้งตัว แฮร์รี่เกือบปล่อยหมัดออกไปด้วยความตกใจแต่ยังดีที่เขามีสติมากพอที่จะยั้งมือเอาไว้ เพราะถึงยังไงอีกฝ่ายก็ตัวใหญ่กว่า...ไม่มีทางล้มในหมัดเดียวแน่ๆ



“ความจริงผมไม่ได้สูงค่าขนาดที่ท่านคิดหรอก...” เป็นโจรที่จะมาปล้นบ้านท่านด้วยซ้ำ...แฮร์รี่ได้แต่ต่อประโยคในใจ ก่อนจะโอบแขนทั้งสองข้างลงที่รอบลำคอแกร่งของอีกฝ่าย ดวงตาสีมรกตจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีรัตติกาลของชีคหนุ่ม เขาไม่ได้จะค้นหาความจริงใดใดที่ซ่อนไว้เบื้องหลังนัยน์ตาคมเข้มคู่นี้ เขาทำเพียงเพื่อดึงความสนใจและซื้อเวลาเท่านั้น



แม้จะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าแต่อาการร้อนรนของแฮร์รี่ก็แสดงออกผ่านทางหยาดเหงื่อที่เริ่มผุดตามขมับ...มันนานเกินไปแล้ว เขาต้องประวิงเวลาเพื่อเจ้าพ่อค้าตัวแสบนั่นอีกนานแค่ไหนกัน? ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอีกฝ่ายรับปากเอาไว้มั่นเหมาะว่ามีแผนการดีดีป่านนี้เขาคงฟาดชีคจอมหื่นตรงหน้าสลบไปแล้ว จะได้ไปเอาเพชรแล้วรีบๆออกไปจากที่นี่ก่อนจะถูกจับได้



ผมมีแผนดีดีโดยที่ไม่ต้องทำอะไรมาก...แค่ยื้อเวลาเอาไว้ให้นานที่สุดก็พอ... แฮร์รี่นึกถึงคำพูดของคนที่หายออกไปพักใหญ่ๆ แล้วไอ้แผนการดีดีที่ว่าน่ะมันคืออะไรกันล่ะ! ถ้าไม่มาภายในห้านาทีนี้รับรองได้เลยว่าเขาเสร็จเจ้าชีคจอมหื่นนี่แน่ๆ แค่สายตาที่ใช่มองมาก็อย่างกับจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว...ถ้าจะมองกันขนาดนี้ไม่เลียหน้ากันไปเลยล่ะ!



“ทุกความงามสูงค่าเสมอ...” ว่าจบริมฝีปากสีซีดของชีคหนุ่มก็ประกบเข้ากับเรียวปากสีเชอร์รี่ของคนที่นั่งอยู่บนตัก แฮร์รี่อยากจะผลักออกแต่ทำไมได้...จำเป็นต้องไหลตามน้ำไป ได้แต่ภาวนาให้คนที่หายหัวไปนานครู่ใหญ่รีบเข้ามาเสียทีเพราะสติของเขากำลังกระเจิดกระเจิงไปคนละทาง ต้องยอมรับเลยว่าชีคหนุ่มนั้นจูบเก่งจนเขาแทบจะเคลิ้มตามอยู่แล้ว ริมฝีปากร้อนๆบดเบียดไม่ยอมห่าง แฮร์รี่นับถอยหลังช้าๆในใจแต่ไม่รู้ว่ากำลังถอยหลังไปสู่อะไรกันแน่ระหว่างสานภารกิจต่อด้วยการฟาดคนที่กำลังกินปากเขาให้สลบแล้วไปตามหาเพชร หรือ...ภารกิจที่ต้องสานต่อบนเตียงกับชีคหนุ่ม...



ดวงตาสีมรกตปรือขึ้นช้าๆ...หางตาเขาเหลือบไปเห็นชายหนุ่มในชุดโต๊ปกำลังย่องเข้ามาช้าๆพร้อมด้วยภาษามือที่โบกไปโบกมาแต่หาคำแปลไม่ได้ แม้จะไม่ค่อยแน่ใจนักแต่แฮร์รี่ก็ยังไม่ยอมละริมฝีปากออกมาจากคนที่เขานั่งซ้อนตักอยู่ ซ้ำยังตะโบมจูบชีคหนุ่มมากขึ้นจนอีกฝ่ายตอบสนองกลับมาอย่างรุนแรงไม่แพ้กัน



“อืมมมมมม” เสียงครางของแฮร์รี่เล็ดรอดออกมาจากลำคอ ดวงตาสีมรกตถลึงมองคนที่ค่อยๆคลานมาตามพื้นที่ปูด้วยพรมเปอร์เซียราวกับจะบอกว่า จะทำอะไรก็รีบๆทำ โดนจูบจนปากจะหลุดอยู่แล้วเห็นไหม? เซนกลอกตาขึ้นด้านบนอย่างอดไม่อยู่...เขาเองก็อยากจะเถียงกลับไปทางสายตาเหลือเกินว่า รีบอยู่เห็นไหม แต่ชุดมันยาวนะ! เห็นใจกันบ้างซิ!!!’ เซนคลานมาจนถึงหลังโซฟาที่มีคนสองคนกำลังแลกริมฝีปากกันอยู่บนนั้นแล้วหยุดอยู่ด้านหลังห่างไปไม่ถึงเมตรด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าทำการอุกอาจระยะประชิดเลยก็ว่าได้



สงครามสายดูเหมือนจะหาคนแพ้คนชนะไม่ได้ เซนเองก็เบื่อจะทะเลาะกันทางสายตาแล้วเขาจึงชูของในมือให้แฮร์รี่ดู และดูเหมือนว่าแฮร์รี่จะเข้าใจได้ในทันทีที่เห็นของในมือของคนที่นอนหมอบอยู่บนพื้นพรม เจ้าของดวงตาสีเขียวเริ่มตะโบมจูบริมฝีปากสีซีดของชีคหนุ่มอีกครั้ง เขาบอกตามตรงเลยว่านี่มันเป็นการจูบที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว แถมยังเป็นการจูบกับผู้ชายเป็นครั้งแรกอีกต่างหาก...เสร็จงานนี้เมื่อไหร่แฮร์รี่สาบานเลยว่าจะไปขอน้ำมนต์จากโบสถ์ในลอนดอนมาบ้วนปากให้สะอาดเรี่ยม



“อื้มมมม” เซนถลึงตาใส่คนสองคนที่กำลังจูบกันอย่างดุเดือด อยากจะขัดจังหวะด้วยการตะโกนอัดหูว่า ช่วยจูบกันแบบไม่มีเสียงได้ไหมครับคุณ!! มากๆ เพราะเสียงริมฝีปากที่กำลังคละเคล้ากันนั้นกำลังกวนสมาธิของเขาจนมือทั้งสองที่กำลังเตรียมอุปกรณ์อย่างรีบเร่งนั้นสั่นเทิ้มไปหมด



กดไว้!’ แฮร์รี่อ่านปากเซนได้อย่างนั้น ก่อนจะออกแรงตรึงร่างของชีคหนุ่มเอาไว้กับโซฟา ส่วนคนที่โดนกดนั้นดูจะชอบใจไม่น้อยเลยกับความร้อนแรงของแฮร์รี่ เจ้าของดวงตาสีเขียวอยากจะผละออกจะแย่อยู่แล้วแต่ก็ทำไม่ได้เพราะต้องตรึงร่างทั้งร่างของชีคหนุ่มให้นิ่งมาที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้



ปลายเข็มแสตนเลสที่ยาวเกือบๆสองนิ้วค่อยๆจ่อเข้าที่หัวไหล่ของชีคหนุ่ม วัตถุสีเงินรูปร่างคล้ายๆปืนนั่นคือเครื่องฉีดยาสลบ ซึ่งมีหลอดสำหรับใส่ของเหลวอยู่ตรงส่วนท้าย การทำงานคล้ายๆกับปืนฉีดน้ำ...แค่เหนี่ยวไกกดค้างเอาไว้ลูกสูบก็จะทำการฉีดของเหลวที่บรรจุอยู่ในหลอดออกมา ทันทีที่เข็มแทงผ่านชั้นผ้าของชุดโต๊ปแล้วปักลงกับท่อนแขนกำยำของชีคมูบาร็อกเซนก็เหนี่ยวไกอย่างรวดเร็ว แม้เจ้าของร่างกำยำจะพยายามดิ้นหนีทันทีที่รู้สึกได้ถึงความเจ็บก็ดูจะไม่ทันเสียแล้ว เพราะของเหลวทั้งหมดถูกฉีดพรวดเดียวเข้าไปอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว อีกทั้งยังมีน้ำหนักของแฮร์รี่ทับอยู่ด้านบนจนขยับไม่ได้อีกต่างหาก



“นี่พวกท่านทำอะไรกับ...” ยังไม่ทันจะพูดได้ครบประโยคดวงตาคมเข้มก็ปรือลงอย่างช้าๆ ก่อนชีคหนุ่มจะผล็อยหลับอยู่ตรงโซฟา



“ฝันดีครับท่านชีค” เซนว่าติดตลกก่อนจะหันมามองคนที่ผละมายืนหอบอยู่ตรงหน้าร่างที่หลับไม่ได้สติ แฮร์รี่ถลึงตามองเซนอย่างเอาเรื่องแต่เหนื่อยเกินกว่าจะเค้นคำพูดออกมา เพราะการจูบที่ยาวนานนั่นทำเอาเขาแทบจะลืมวิธีหายใจไปเลย




“นี่หรอแผนดีดีที่ว่า!” เจ้าของดวงตาสีมรกตเริ่มเหวใส่อีกฝ่ายทันทีที่กลับมาหายใจได้อย่างปกติ เซนพยายามแล้วที่จะไม่มองริมฝีปากสีสดที่บวมเจ่อน้อยๆนั่นแต่สายตาเขาก็พาลจะจับจ้องไปยังเรียวปากสีเชอร์รี่ฉ่ำวาวคู่นั้นทุกที กว่าจะดึงสติตนเองกลับมาได้ก็ตอนที่โดนแฮร์รี่เตะเข้าที่หน้าแข่งนั่นแหละ




“โอ๊ย! นี่แหละแผนที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้แล้ว...อูยยยย”



“ผมเกือบจะโดนปล้ำอยู่แล้ว! ถ้าคุณมาช้าอีกนิดผมสาบานได้เลยว่าผมจะตามไปปาดคอหอยคุณแน่ๆ...” แฮร์รี่ชี้หน้าคาดโทษ เขาหมุนตัวแล้วก้าวเร็วๆไปยังเตียงนอนหลังใหญ่โดยมีเซนเดินตามไม่ห่าง



“โดนปล้ำ? ไม่ใช่คุณสมยอมหรอกหรอ...ดูดปากกันซะขนาดนั้น! เหอะ!! ไอ้เรารึเจอศึกหนักอยู่ข้างนอก ทหารองครักษ์นั่นตัวใหญ่กว่าชีคหื่นนี่ตั้งเยอะต้องปล้ำอยู่นานกว่าจะฉีดยาสลบได้ แล้วนี่อะไร...กลับเข้ามาเจอว่าจูบกันอย่างดูดดื่มนี่งานยากตรงไหนไม่ทราบครับคุณนักโจรกรรมบอกผมหน่--” ยังบ่นไม่ทันจบดีต้นคอของเขาก็ถูกฉวยอย่างแรง ก่อนริมฝีปากสีสดที่เขาเผลอจ้องอยู่เมื่อครู่จะประกบลงมาอย่างรวดเร็ว



เซน จาร์วาร์ด มาลิค กำลังนิ่งค้างอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก...เขากำลังบ่นอยู่แล้วนี่อะไร? อยู่ๆก็ถูกรั้งต้นคอลงไปแล้วยังไงต่อ...ความอุ่นซ่านบนริมฝีปากนี้คือของจริงอย่างนั้นหรือ? แล้วความหวานล้ำนี้เล่า...มันคือริมฝีปากหรือรัมย์องุ่นที่เขาโปรดปราณนักหนากันแน่? ในหัวสมองมึนงงและเริ่มกระจัดกระจายจนไม่อาจประติดประต่อเรื่องราวได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะผละริมฝีปากออกไปได้ครู่หนึ่งแล้วเขาก็ยังคงนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น



“พูดมากน่ารำคาญ...” เซนจำได้ว่านั่นคือเสียงของแฮร์รี่ แต่เหมือนกับมันจะเป็นเสียงที่เบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน หรือเพราะในหูเขามันอื้ออึงไปหมดจึงไม่อาจฟังจับใจความคำพูดของอีกฝ่ายได้เลย
แฮร์รี่ก้าวไปยืนข้างๆเตียงทางด้านหนึ่งก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแล้วค่อยๆเอนหลังนอนลงกับพื้นพรม เขาไถลตัวเข้าไปใต้เตียงอย่างช้าๆก่อนจะหยุดเมื่อถึงจุดหนึ่ง มือขาวค่อยๆไล้ไปตามแผ่นไม้หนาที่ใช้ทำเตียง สัมผัสที่แตกต่างบอกเขาว่าเขาเจอของที่ต้องการแล้ว มือขาวออกแรงกดลงไปจนเสียงคลิ๊กดังเบาเบาแล้วแผ่นไม้ก็เปิดออก...มันเป็นกลไกง่ายๆที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงหลังใหญ่ แฮร์รี่ล้วงมือเข้าไปในช่องว่างของแผ่นไม้ ก่อนจะคลำไปจนเจอถุงกำมหยี่ที่ซ่อนอยู่ในช่องเล็กๆนั่น



ฝ่ายคนที่ยืนมองอยู่แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หรืออาจจะเป็นเพราะเขาพูดอะไรไม่ออกก็เป็นได้...ดวงตาสีน้ำตาลทองเสมองไปทางอื่นเมื่อคิดขึ้นได้ว่าเขาเผลอจ้องเรียวขาขาวๆของอีกฝ่ายที่โผล่พ้นออกมาจากเตียงนานเกินไปแล้ว ทางนั้นเองก็ดูจะไม่ใส่ใจเลยว่าถ้าหากชันขาขึ้นอย่างนั้นชุดแล้วชุดที่มันแทบจะเรียกได้ว่าเศษผ้านั่นจะเปิดไปถึงไหนต่อไหน...




“ได้แล้ว!” แฮร์รี่พูดขึ้นมาจากใต้เตียงก่อนจะค่อยๆขยับออกมา เจ้าของดวงตาสีมรกตผุดลุกขึ้นมายืนเต็มความสูงพร้อมกับชูถุงกำมะหยี่สีดำสนิทให้คนตรงหน้าดู มือขาวค่อยๆดึงเชือกคลายออกจากกันแล้วเทของที่อยู่ด้านในออกมาวางไว้บนฝ่ามือ...อัญมณีล้ำค่าในมือขาวๆกำลังล้อแสงไฟภายในห้องจนส่องประกายระยับ แต่เซนกลับรู้สึกว่าดวงตาสีเขียวของอีกฝ่ายกลับสวยกว่าเพชรเม็ดนั้นเป็นไหนๆ



“แล้ว...คุณจะทำยังไงกับมัน?”



“ผมจะเอามันกลับอังกฤษ...แล้วล้างมลทินให้ทวดของผม...ผมจะส่งมันคืนแก่ควีนแล้วบอกทุกคนว่าคุณทวดผมไม่ได้เป็นคนขโมยมันมาขายอย่างที่ทุกคนเข้าใจ...”



“หมายความว่ายังไงที่ว่าทวดคุณไม่ได้ขโมยมา?”



“คุณอยากจะรู้ตอนนี้แล้วให้ชีคนั่นตื่นมาลากเราลองคนไปตัดหัว หรือคุณจะไปฟังเรื่องนี้ทีหลังเมื่อเราออกจากที่นี่ไปได้แล้ว?” แฮร์รี่ถามขึ้นพร้อมกับเก็บเพชรควีนฮาร์ทใส่กลับเข้าไปในถุงกำมะหยี่ ดวงตาสีมรกตทอดมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าแล้วถอนหายใจออกมาเบาเบา



“เฮ้ๆ ถอนหายใจใส่กันแบบนี้หมายความว่ายังไงครับคุณ?”



“เปล่า...ผมแค่กำลังคิดว่าเพราะคุณแท้ๆงานผมเลยสำเร็จง่ายขึ้น...” แม้คุณจะทำเสียเรื่องไปบ้างก็ตาม...



“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว! แต่ตอนนี้ผมว่าเราออกจากที่นี่กันก่อนดีกว่า...ถึงยาสลบที่ผมใช้จะแรงพอให้หลับไปได้หนึ่งวันเต็มๆแต่รอบคอบไว้หน่อยก็ดี...” เซนว่าพร้อมกับเดินนำแฮร์รี่ออกไปจากห้อง ทั้งสองก้าวเท้าเร็วๆไปตามทางเดินแต่ไม่ได้กลับไปทางด้านหน้าวังอย่างเช่นตอนเข้ามา แฮร์รี่เดินตามหลังคนตรงหน้าไปเงียบๆจะมาโผล่ที่ท้ายวัง



“เราจะไปไหนกัน?” แฮร์รี่ถามขึ้นเมื่อเซนเดินย่องไปทางคอกม้าที่มีม้าอาหรับพันธุ์ดีหลายตัวถูกขังเอาไว้



“ผมจะพาคุณสัมผัสกับวิถีที่แท้จริงของทะเลทรายยังไงล่ะ...”



...



..



.



แฮร์รี่ เอ็ดเวิร์ด สไตลส์ ไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้มาอยู่บนหลังม้าอาหรับพันธุ์ดี(ถึงแม้ว่ามันจะเป็นม้าที่ขโมยมาก็เถอะ)ที่กำลังวิ่งทะยานไปบนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ เมื่อหลายเดือนก่อนเขายังอยู่ที่อังกฤษ...เมื่อหลายเดือนก่อนเข้ายังเป็นนักโจรกรรมที่ถูกออกหมายจับในคดีโจรกรรมหลายๆคดีที่เกาะอังกฤษ...แต่ตอนนี้เหมือนทุกๆอย่างมันถูกพัดหายไปพร้อมกับสายลมที่กำลังปะทะใบหน้า...



เพชรควีนฮาร์ทในมือเขาคือเครื่องยืนยันอิสรภาพ...ทันทีที่ส่งมอบมันแก่ควีน คุณทวดเขาจะหลุดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา และเขาจะได้รับการอภัยโทษจากคดีโจรกรรมต่างๆที่ก่อเอาไว้...ก็ช่วยไม่ได้ คดีโจรกรรมส่วนใหญ่ที่เขาทำก็ล้วนแล้วแต่ทำไปเพื่อล้างมลทินให้ตระกูลทั้งนั้นไม่ได้มีเจตนาจะทำเพื่อเงินทองใดใดทั้งสิ้น ดูเหมือนควีนเองก็จะเข้าใจในจุดนั้นจึงเสนอให้เขามานำเพชรควีนฮาร์ทกลับคืนสู่ที่ที่มันควรจะอยู่แลกกับการล้างประวัติอาชญากกรม...แต่เห็นทีการมาปล้นเพชรควีนฮาร์ทในครั้งนี้จะเป็นเรื่องที่หนักที่สุดเท่าที่เคยเจอมาแล้ว



อาชาสายเลือดอาหรับห้อตะบึงไปบนผืนทรายที่กว้างใหญ่ กีบเท้าแข็งแรงย่ำลงบนผิวหน้าของผืนทรายอย่างรวดเร็วเสียจนคาฟีย่าห์ของชายหนุ่มหน้าคมพลิ้วสะบัด อาชาตัวโตควบไม่หยุดราวกับมันกำลังยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้อิสระในการวิ่งหลังจากถูกขังอยู่ในคอกมาเนิ่นนาน ไม่นานนักหลังจากควบมาด้วยความเร็วคนที่กุมบังเหียนก็สั่งให้มันลดความเร็วลงเป็นการวิ่งเหยาะๆไปบนชายหาดแทน



ดวงตาสีมรกตทอดมองไปยังผืนทะเลตรงหน้า เขาจำแทบไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่ได้ไปทะเลคือตอนไหน...แต่ยังคงจำกลิ่นเกลือที่ลอยคลุ้งไปในอากาศได้เป็นอย่างดี แฮร์รี่หลับตาแน่นแล้วสูดกลิ่นทะเลเข้าเต็มปอดอย่างโหยหา ทะเลทำให้เขานึกถึงวัยเด็ก วัยที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ไม่ต้องรับผิดชอบภาระหน้าที่อันแสนสาหัส...แต่ถึงยังไงมันก็เป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่เรียกคืนมาไม่ได้เท่านั้น ทำได้เพียงระลึกถึงแล้วคอยเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าในวันนี้เขาได้เติบโตขึ้นแล้ว



“คลุมไว้ซิ....” เสียงนุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง เป็นอีกครั้งที่เซนสละคาฟีย่าห์ผืนใหญ่มาให้เขาใช้ต่างผ้าคลุม แฮร์รี่กล่าวขอบคุณเบาเบาแล้วรับผ้าฝ้ายผืนใหญ่มาคลุมร่างเอาไว้ เขาเพิ่งมารู้สึกตัวว่าอยู่ในท่าที่เหมือนกับกำลังถูกกอดจากด้านหลังก็ตอนนี้เอง เพราะว่าเขาขี่ม้าไม่เป็นและไม่คิดจะขี่ด้วย สุดท้ายเซนจึงขโมย(เจ้าตัวบอกว่าแค่ขอยืม)ม้าออกมาเพียงตัวเดียวก่อนจะบังคับให้แฮร์รี่ขึ้นนั่งด้านหน้าและตนเองเป็นคนกุมบังเหียนอยู่ด้านหลัง



“ขี่ม้านี่ก็สนุกเหมือนกันเนอะ...” แฮร์รี่พูดพร้อมกับลูบแผงขนสีดำขลับของม้าตัวโต มันส่งเสียงครางราวกับกำลังพึงพอใจ



“ไว้ผมจะสอนขี่...ถ้าคุณอยู่ต่อล่ะก็นะ...”



“เห็นทีจะไม่ได้...ผมต้องรีบกลับอังกฤษเพื่อเอาเพชรไปคืนแก่ราชินี”



“นั่นซินะ...” เซนยอมรับได้ง่ายๆ เพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายก็มีเรื่องให้ต้องกลับไปทำ



“เรื่องคุณทวดผม...คุณอยากฟังไหม?” แฮร์รี่เปลี่ยนเรื่องเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูจะเงียบๆไป ความจริงแล้วเขาก็อยากจะอยู่ต่ออีกซักหน่อยแต่ก็อยากจะส่งมอบเพชรให้จบๆไป เขาจะได้เป็นอิสระจากตราบาปที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่นเสียที




“ถ้าคุณอยากเล่าผมก็ยินดีที่จะฟัง”



“ผมไม่แน่ใจหรอกว่ามันคือช่วงไหน...แต่เรื่องมันเกิดตอนรุ่นทวดของผม เพชรควีนฮาร์ทถูกขโมยออกมาจากพระราชวังโดยสาวใช้คนหนึ่งซึ่งมารู้ทีหลังว่าเธอคือคนของพ่อค้าตลาดมืดแถบตะวันออกกลาง...” เซนคิดว่านั่นคือเหตุผลที่แฮร์รี่ไม่ค่อยไว้ใจเขาเท่าไหร่นัก... “เธอเอาเพชรไปซ่อนไว้ในหีบผ้าที่จะทำการขนลงเรือไปข่ายแถบตะวันออกกลาง...” เซนเป็นผู้ฟังที่ดี และเขาพอจะเดาออกว่าทวดของคนตรงหน้าคงจะเป็นพ่อค้าขายผ้าชาวอังกฤษ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา...ทำเพียงเงียบฟังและคุมม้าตัวโตให้เดินเหยาะๆไปตามชายหาดทะเลอาหรับที่ทอดยาวสุดสายตา



“...”



“คุณทวดผมขนผ้าพวกนั้นไปขายโดยที่ไม่รู้ว่ามีเพชรอยู่ในนั้นด้วย...จนกระทั่งท่านบังเอิญไปเจอมันอยู่ในหีบผ้าตอนที่กำลังตรวจเช็คสินค้าก่อนที่เรือจะเทียบท่า...ท่านรู้ได้ทันทีว่ามันคือควีนฮาร์ท เพราะทวดของผมเคยตัดชุดถวายราชินีหลายครั้งตอนที่มีงานสำคัญๆ หลายๆชุดถูกสั่งตัดเพื่อให้เข้ากับมงกุฎ...และคุณทวดผมเคยเห็นของจริงกับตาหลายครั้ง...ผมยังจำใบหน้าของคุณทวดตอนที่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังได้อยู่เลย เรื่องที่แม้จะเล่าเป็นร้อยๆครั้งผมก็ฟังได้อย่างไม่มีเบื่อ...ท่านมีความสุขมากกับการเล่าว่าผ้าสีไหนที่เข้ากับมงกุฎของควีนมากที่สุด...”



“ผมเดาว่าเขาเอามันไปซ่อน...”



“ใช่...คุณทวดเอาเพชรไปซ่อนไว้ในที่ที่หนึ่ง...ท่านเขียนเกมอักษรรหัสให้ผมหนึ่งชุด มันเป็นเกมที่ผมกับคุณทวดชอบเล่นด้วยกันตอนผมเด็กๆ...เกมล่าสมบัติอะไรเทือกนั้น...” แฮร์รี่หวนนึกถึงน้ำเสียงอ่อนโยนของคุณทวดซึ่งชราภาพมากแล้วในตอนที่เขาเรียนอยู่ชั้นไฮสคูล



แฮร์รี่...หลานเป็นคนฉลาด วันหนึ่งข้างหน้าถ้าหากหลานสงสัยในความบริสุทธิ์ของทวด หลานจงเอาเกมอักษรรหัสนี่ออกมาไขแล้วทำตามคำใบ้...ทวดเชื่อว่าหลานจะต้องเป็นคนที่ทำจนสำเร็จ... แฮร์รี่ในวัยสิบเจ็ดปีไม่เข้าใจคำพูดเหล่านั้นมากนัก เขาได้แต่ร้องไห้จนตาแดงก่ำกับการจากไปของบุคคลที่เขารักที่สุด กระดาษที่คุณทวดส่งให้ถูกเก็บไว้ในซอกในสุดของลิ้นชักโดยที่เขาไม่คิดจะหยิบมันออกมาอีก จนกระทั่งวันที่เขารู้ว่าตระกูลของเขาถูกกล่าวหาจากความผิดที่ไม่ได้กระทำกระดาษเก่าๆใบนั้นจึงถูกหยิบออกมาอีกครั้ง เมื่อแก้รหัสคำใบ้จนครบมันก็ชี้ทางเขามาสู่ที่ซ่อนควีนฮาร์ทบนแผ่นดินนัฟตาอันยิ่งใหญ่แห่งนี้



“ข้อความบนกระดาษแผ่นนั้นคือที่ซ่อนควีนฮาร์ท...ผมตามไปเอามาจากที่ซ่อนแล้วเอาเข้าไปซ่อนไว้ในวังอัล-ฟาบีย่าห์ เพราะคิดว่ามันคงเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดถ้าหากอยู่ในวังที่มีการอารักขาอย่างแน่นหนา ชีคอับบาซเป็นใหญ่ที่สุดในตอนนั้นและท่านก็ชอบเกมอักษรรหัสมาก ครั้งหนึ่งท่านเคยคิดอักษรรหัสแล้วประกาศว่าถ้าใครแก้รหัสอักษรได้จะได้รับเชิญเป็นแขกพิเศษของท่าชีคหนึ่งวัน...ผมคงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าผมเข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์ได้ยังไง?” เซนดูเหมือนจะไม่ประหลาดใจมากนัก เขาทำเพียงหยักหน้าขึ้นลงช้าๆ



“แล้วคุณจะกลับอังกฤษเมื่อไหร่?”



“เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้...เพราะเราสองคนร่วมกันก่อคดีอีกแล้ว ผมคิดว่าชีคมูบาร็อกคงไม่ปล่อยให้เราลอยนวลกันนานนักหรอก...”



“หึหึ...เขาไม่กล้าทำอะไรผมหรอก...” เซนว่าด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แฮร์รี่เอี้ยวตัวไปมองคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าคมเข้มประดับไปด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเจ้าตัวกำลังสนุกสนาน



“หมายความว่ายังไงที่ว่าเขาไม่กล้าทำอะไรคุณ?”



“งั้นผมคงต้องแนะนำตัวกับคุณใหม่อีกครั้ง คราวนี้เอาแบบเต็มๆเลยดีไหม?”



“ผมรอฟังอยู่...”



“สวัสดีคุณสไตลส์...ผมชื่อ เซน จาร์วาร์ด บินอับดุลซารีฟ จอร์เกีย มาลิค...ชีคแห่งเบดูอินทั้งมวล...



เดี๋ยวนะ! นี่หมายความว่าคุณ...” แฮร์รี่เบิกตามองคนพูด ตอนนี้เขาคิดคำพูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว ชาวเบดูอินไม่ได้มีจำนวนน้อยๆ แต่โดยมากจะกระจัดกระจายเป็นกลุ่มเล็กๆเร่ร่อนไปทั่วทะเลทรายด้วยรูปขบวนที่เรียกว่ากองคาราวาน กับคนที่ถูกยกให้เป็นผู้นำของชาวเบดูอินทั้งมวลนั้นจะบอกว่าธรรมดาก็คงไม่ได้ หากลองเรียงบรรดาศักดิ์กันดีดีแล้วคนด้านหลังเขาสามารถถูกเรียกได้ว่าเป็นกษัตริย์ของชาวเบดูอิน...แบบนี้มูบาร็อกยังเทียบไม่ติดฝุ่นเลยด้วยซ้ำ!



“คือความจริงผมก็ไม่ได้อยากจะเป็นเท่าไหร่หรอกนะไอ้ตำแหน่งชีคอะไรนี่...ผมชอบขายของมากกว่า มันสนุกกว่ากันเยอะเลย แต่มันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ผมสืบเชื้อสายโดยตรงจากผู้นำอันเป็นที่เคารพของชาวเบดูอินทั้งมวล ผมจึงต้องสืบทอดตำแหน่งนี้ต่อ...จำเหรียญที่ผมเคยเอาให้ดูได้ไหม? ความจริงแล้วมันคือเหรียญตราที่บอกทุกคนว่าผมคือใคร...นั่นเป็นเหตุผลที่เบดูอินทุกกลุ่มจะยินดีต้อนรับผมเป็นแขกไม่ว่าจะในเวลาไหน...ทั่วทั้งทะเลทรายแห่งนี้คือถิ่นของพวกเราชาวเบดูอิน...”



เซนเล่าออกมาง่ายๆอย่างกับกำลังพูดว่า เฮ้! วันนี้ท้องฟ้าสวยดีนะ แต่แฮร์รี่จนคำพูดอย่างแท้จริง...เขาทั้งสับสน มึนงงและโมโหเล็กน้อย นี่หมายความว่าตลอดเวลาเขาโดนหลอกมาโดยตลอด...คนที่สามารถเดินเข้าวังอัล-ฟาบีย่าห์ได้ง่ายๆอย่างหมอนี่กลับมาวางแผนให้เขาแต่งตัวบ้าบอเพื่อเข้าวังเนี่ยนะ?!! แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆเลย!



“นี่คุณแกล้งให้ผมแต่งตัวแบบนี้เข้าวังทั้งๆที่คุณจะเดินโท่งๆเข้าไปเลยก็ได้เนี่ยนะ!!!



“ผมไม่ได้แกล้งคุณนะ! ผมบอกแล้วว่าผมรักการเป็นพ่อค้ามากกว่าการทำหน้าที่สูงศักดิ์อะไรนั่น...เพราะฉะนั้นมันก็ไม่แปลกที่ผมจะไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง...ถ้าชีคมูบาร็อกได้รู้ว่าผมเป็นใครเขาเองก็คงช็อคแบบคุณนี่แหละ” เซนยักไหล่ด้วยท่าทางกวนประสาท แฮร์รี่นึกอยากจะฟาดอีกคนขึ้นมาตงิดๆ แต่ทำได้เพียงนั่งกำหมัดแน่นด้วยความหมั่นไส้



“คุณมันจอมปลิ้นปล้อนต่างหาก!



“แค่นี้ชื่อผมก็ยาวพอแล้ว...คุณจะยังเติมชื่อให้ผมอีกหรอ?” เซนว่าก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนาน แต่คนฟังไม่สนุกไปด้วย แฮร์รี่เอี้ยวตัวกลับมาหาคนด้านหลังหมายจะชกคนที่หลอกต้มเขาเสียเปื่อยเพื่อระบายความแค้น แต่เขากลับเคลื่อนไหวได้อย่างยากลำบากยามอยู่บนหลังม้า แขนขาวถูกคนที่นั่งด้านหลังรวบเอาไว้ทั้งสองข้าง ท่อนแขนแกร่งรัดรอบเอวแฮร์รี่เพื่อจำกัดอิสรภาพของอีกฝ่าย แฮร์รี่พยายามแล้วที่จะขืนตัวออกแต่เขากลัวจะตกจากม้าจนได้แผลเลยดิ้นได้ไม่มากนัก



“ปล่อย...อย่าคิดว่าเป็นชีคแล้วผมจะไม่กล้าทำอะไรคุณนะ!



“ผมรู้ว่าคุณกล้าทำแน่...ผมเลยจะไม่ปล่อย...” เสียงทุ้มกระซิบยั่วประสาทที่ข้างหู แฮร์รี่ย่นคอหนีเมื่อลมหายใจร้อนๆปะทะแผ่วเบาที่ข้างแก้ม ใบหน้าขาวผ่องซับสีเลือดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่



“ความอดทนผมมีไม่มากนะ...ถ้าคุณไม่ปล่อยผมจะ---” ยังพูดไม่ทันจบใบหน้าขาวของแฮร์รี่ก็ถูกมือแกร่งเกี่ยวรั้งให้หันมาหา ก่อนริมฝีปากสีซีดของเซนจะประกบลงมาอย่างรวดเร็ว...คราวนี้แฮร์รี่ไม่ได้ผละออกหรือพยายามดิ้นหนีสัมผัสนั้น เขายอมให้ริมฝีปากร้อนๆของคนข้างหลังนั้นได้เลาะเล็มไปตามริมฝีปากของเขาอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนเซนจะเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกไปเองเมื่อได้จูบจนพอใจ



“ผมเอาคืนเรื่องในห้องชีคมูบาร็อก...” เซนพูดด้วยน้ำเสียงชวนฟัง...แฮร์รี่นึกอยากจะด่าแต่จนคำพูดเมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของคนหน้าเข้ม เขาเชื่อเลยว่าคงมีผู้หญิงมากมายพ่ายแพ้ให้กับเสน่ห์อันเหลือร้ายของเซน จาร์วาร์ด มาลิค คนนี้ และเขาก็เริ่มกลัวว่าตนเองจะกลายเป็นหนึ่งในนั้นแล้วด้วย



“อย่าให้ผมมีโอกาสเอาคืนบ้างก็แล้วกัน” แฮร์รี่คาดโทษ...ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่สุดท้ายแล้วเขาก็เอนหลังซบลงกับแผ่นอกแกร่งของเซนพลางทอดสายตามองไปยังที่ที่ท้องฟ้าจรดกับทะเล



“ก่อนจะเอาคืนผม...เอารางวัลที่เราตกลงกันมาก่อนดีกว่านะ...”



“ได้ทีก็ทวงเชียว...คุณอยากได้อะไรก็บอก ถ้าผมหาได้จะส่งกลับมาให้จากอังกฤษเลย”



“คุณไม่ต้องส่งกลับมาหรอก...เพราะเดี๋ยวผมจะไปเอาเอง แล้วห้ามหนีผมไปไหนล่ะเพราะไม่ว่าคุณจะหนียังไงผมก็ตามจนเจออยู่ดีนั่นแหละ...”



“พูดอย่างกับคุณมีที่อยู่ผม...”



“หึหึ...ผมมีกระทั่งที่อยู่ของสามีพี่สาวคุณด้วยซ้ำ...อย่าดูถูกพ่อค้าตลาดมืดมากนักซิคุณสไตลส์”



“พูดมากจริง...ตกลงคุณอยากได้อะไรกันแน่?”



“ก็ผมบอกแล้วว่าผมจะตามไปเอาของรางวัลของผมเอง...เตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกัน” เซนว่าพร้อมกับขโมยจูบที่ขมับขาวของคนในอ้อมแขน ก่อนจะได้รับศอกที่กระแทกเข้าเต็มๆสีข้างเป็นของตอบแทน ก่อนเจ้าของใบหน้าคมจะควบม้าตัวโตให้ออกตะบึงอีกครั้ง



นิทานก่อนนอนที่เล่าขานเรื่องราวของคริสตัลล้ำค่าจากแดนไกลกับพ่อค้าตลาดมืดเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด ทุกการเดินทางย่อมมีปลายทาง แต่คงจะจริงเช่นที่ใครใครว่าไว้...จุดหมายไม่สำคัญเท่าระหว่างทาง...แฮร์รี่คงจะจดจำคำพูดนั้นไปชั่วชีวิต เพราะการเดินทางของเขาในครั้งนี้ทำให้เขาได้พบสิ่งใหม่ๆมากมาย...หนึ่งในนั้นคืออิสระที่คว้ามาได้ด้วยตนเอง...และ...




คนขี่ม้าส่วนตัวที่เป็นถึงชีคแห่งชาวเบดูอินทั้งมวล



.



.



.



.



.



.



.



.


Afterward



6 Months later


อ็อกซ์ฟอร์ดสตรีทยังคงเป็นอ็อกซ์ฟอร์ดสตรีท ผู้คนหลั่งไหลเข้ามามากมายอย่างเช่นเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ หลายๆคนเดินทางไกลจากเอเชียเพื่อมาสัมผัสวิถีชีวิตที่แท้จริงแบบอังกฤษ แต่กับคนบางคนที่อยู่มาตั้งแต่เกิดกลับอยากจะหนีออกจากความวุ่นวายนี้ไปให้ไกลแสนไกล ดวงตาสีมรกตเหลือบมองครอบครัวหนึ่งที่เดินสวนไป...ครอบครัวนั้นประกอบไปด้วยพ่อแม่และลูกๆ ทุกคนแต่งกายแบบอาหรับ...ซึ่งมันทำให้คนที่เหลือบตามองหวนนึกถึงอากาศร้อนๆและทะเลทรายที่เขาเคยไปเหยียบ



ตึกรามบ้านช่องที่ปลูกแน่นเบียดเสียดขนัดในเมืองหลวงของอังกฤษเทียบไม่ได้เลยกับความเวิ้งว้างกว้างใหญ่ที่ไกลสุดลูกหูลูกตาของทะเลทรายสีทองอร่าม เขายังจำได้ดีถึงความรู้สึกตอนที่สายลมเจือกลิ่นผืนสายปะทะเข้ากับใบหน้ายามอยู่บนหลังอาชาสายพันธุ์ชั้นยอด เสียงกีบเท้าตะกุยทรายและความอบอุ่นที่ทาบทับอยู่บนแผ่นหลัง



เจ้าของดวงตาสีเขียวเผลอยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่...เขาเร่งฝีเท้าพลางกระชับของในอ้อมกอดให้แน่นขึ้นโดยไม่สนใจว่าจะมีสายตากี่คู่ที่กำลังจับจ้องมาที่เขาอย่างสนอกสนใจ ใบหน้าขาวๆยังไม่อาจหยุดยิ้ม...เพราะเขากำลังนึกถึงหลายๆเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเองเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งดีและไม่ดีคละเคล้ากันแต่ทุกๆอย่างมันติดอยู่ในความทรงจำไม่เลือนหายไปไหน โดยเฉพาะใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของคนที่ให้สัญญาเอาไว้ว่าจะมาทวงคืนของรางวัลที่เจ้าตัวสมควรได้รับหลังจากช่วยเขาทำภารกิจจนลุล่วง



แฮร์รี่ไขกุญแจเข้าไปยังบ้านของตนเองที่เช่าอยู่แถวๆโซนสาม มันเป็นอาคารเก่าๆที่สูงสองชั้นครึ่ง หน้ากว้างไม่เกินสิบเมตรพื้นที่ใช้สอยขนาดเล็กเป็นแบบตอนลึก อาคารเหล่านี้ตั้งเรียงกันเป็นทิวแถวยาวไปจนสุดสายตา โดยมากเป็นอาคารที่ปลูกสร้างขึ้นจากอิฐสีแดงตามแบบดั้งเดิม ที่ด้านหน้ามีบันไดเล็กๆและราวบันไดเหล็กดัด ในส่วนของค่าเช่านั้นเงินเดือนพนักงานเดินเอกสารก็พอจะจ่ายไหว ถึงมันจะเก่าจนดูโทรมไปบ้างแต่ค่าเช่าก็ยังถือว่าถูกกว่าหลายๆแห่ง



ทันทีที่เข้าไปด้านในได้แฮร์รี่ก็ตรงเข้าครัวทันที เขาลงมือทำอาหารจากของที่ไปซื้อมา...แฮร์รี่คิดว่าเมนูเสต็กคงเหมาะแก่การรับแขกมากที่สุด เขาได้เนื้อแกะชั้นยอดมาจากร้านที่รู้จักทางนั้นลดราคาให้เป็นพิเศษเพราะเขาใช้ลูกไม้นิดหน่อย...จะใช้คำว่า อ่อยแฮร์รี่ก็กลัวจะตรงไปเลยใช้คำว่าอ้อนจนได้เนื้อแกะราคาพิเศษมาก็แล้วกัน



เขาไม่เคยทำอาหารมื้อใหญ่ขนาดนี้มาก่อน...เขามักจะทำอะไรง่ายๆสำหรับทานคนเดียวหรือบางครั้งก็ซื้อมาจากร้านอาหารในละแวกที่พัก ส่วนมากแล้วอาหารมื้อใหญ่ๆเขาจะไปทานที่บ้านของพี่สาวและพี่เขยมากกว่าเพราะพี่สาวเขาย้ายเข้าไปอยู่บ้านสามีที่เป็นครอบครัวใหญ่ เวลามีวันพิเศษทีไรเขามักจะถูกเชิญไปเป็นแขกอีกคน แต่เขาเองก็เกรงใจจึงไม่อยากจะรบกวนบ้านของสามีพี่สาวมากนัก




ครัวเล็กๆคลุ้งไปด้วยกลิ่นอาหารที่ทำเอาชวนหิว...เจ้าของบ้านมองดูผลงานอย่างพึงใจก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนแล้วรีบวิ่งไปอาบน้ำชำระร่างกายอีกครั้ง ใช้เวลาไม่นานนักแฮร์รี่เดินลงมาจากชั้นบนพร้อมด้วยชุดกึ่งลำลอง...กางเกงแสลคทรงกระบอกเล็ก กับเสื้อเชิ้ตผ้าซาตินสีอ่อน มีลูกเล่นตรงปกเป็นริบบิ้นสีดำเส้นเล็กๆที่ผูกเป็นโบว์ เรือนผมสีเปลือกไม้หยักศกเป็นลอนสวยยาวระแผ่นหลัง เจ้าของดวงตาสีเขียวทอดมองเงาของตนเองในกระจกก่อนจะเปิดยิ้มจนแก้มบุ๋ม แม้จะพยายามกัดปากฝืนมากแค่ไหนสุดท้ายเขาก็พบว่าเขายังสามารถยิ้มได้ทั้งๆที่กัดปากอยู่อย่างนั้น



แฮร์รี่เดินไปหยิบของอย่างสุดท้ายที่ขาดไม่ได้...ไวน์ชั้นยอดที่ดั้นด้นไปซื้อถึงร้านขึ้นชื่อในอ็อกซ์ฟอร์ดสตรีท เขาจับมันวางในถังแล้วเติมน้ำแข็งลงไปก่อนจะเดินไปวางไว้บนโต๊ะที่มีอาหารหน้าตาน่าทานวางอยู่ก่อนหน้า อย่างสุดท้ายคือการจุดเทียนเล็กๆในแก้วก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้สำหรับต้อนรับการมาของคนที่ส่งข้อความมาหาเมื่ออาทิตย์ก่อน...




ดวงตาสีมรกตทอประกายระยิบระยับล้อแสงเทียน เขากำลังรอเวลาให้กริ่งหน้าประตูถูกกดเสียที...พร้อมกับความคิด...กริ่งหน้าประตูถูกกดจนเสียงดังก้องไปทั่วบ้าน แฮร์รี่สาวเท้าเร็วจนแทบจะกลายเป็นวิ่งไปยังบานประตูไม้ เขาดึงประตูออกอย่างแรง...



ภาพแรกที่เห็นคือแผ่นหลังกว้างภายใต้เสื้อสูทสีดำสนิท เรือนผมดำขลับยาวระต้นคอดูเหมือนจะยาวขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกัน สุดท้ายคือเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่ค่อยๆหันตัวกลับมาหา...ในมือของอีกฝ่ายมีช่อดอกไม้ที่จัดง่ายๆ แต่แฮร์รี่ไม่ได้สนใจมากนัก เขากำลังจ้องใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนอย่างคะนึงหา




“นี่ของคุณ...” เซน จาร์วาร์ด มาลิค เอ่ยพร้อมรอยยิ้มก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ในมือมาให้ แฮร์รี่กระโจนลงไปหาคนที่ยืนรออยู่ที่ถนน เซนคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้ามารับช่อดอกไม้แต่เขาคิดผิด...แฮร์รี่กระโดดเข้าไปกอดคนที่ยืนอยู่จนทางนั้นแทบไม่ได้ตั้งตัว สองแขนโอบรอบลำคอแกร่ง เรียวขาทั้งสองข้างยกขึ้นรัดเอาไว้รอบเอวสอบของคนหน้าเข้ม...กลายเป็นว่าเซนรับน้ำหนักของแฮร์รี่เอาไว้ทั้งตัว



แฮร์รี่ประกบริมฝีปากสีสดเข้ากับริมฝีปากอุ่นของคนหน้าเข้มโดยไม่สนใจว่าทั้งเขาและอีกคนจะกำลังยืนอยู่ริมถนน เซนเองก็ดูเหมือนว่าเขาโหยหาริมฝีปากคู่นี้เหลือเกิน เพราะเขาเองที่เป็นคนช่วงชิงลมหายใจของแฮร์รี่อย่างลึกล้ำมากขึ้นทุกขณะ ลิ้นร้อนเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง...จูบที่ห่างเหินไปนานดูเหมือนจะเร่าร้อนขึ้นทุกขณะ



แฮร์รี่กลับมายืนด้วยขาของตนเองทั้งๆที่ยังไม่ละริมฝีปากออกมา เซนรุกคืบดันร่างแฮร์รี่ถอยขึ้นบันไดไปจนถึงประตูก่อนคนทั้งสองจะหายเข้าไปด้านใน เซนจับอีกคนพลิกตัวแล้วดันชิดประตูเอื้อมมือไปกดล็อคประตูอย่างรู้งาน ช่อดอกไม้ถูกวางนิ่งอยู่บนชั้นรองเท้าเป็นอย่างแรก รองเท้าหนังที่กำลังสวมถูกสะบัดออกอย่างไร้เยื่อไยเป็นอย่างต่อมา เสื้อสูทราคาแพงที่สั่งตัดมาเป็นพิเศษก็ดูเหมือนจะเกะกะจนต้องถอดโยนไปพ้นมือ



ในสงครามจูบครั้งนี้ยังไม่มีใครยอมผละจาก...ริมฝีปากที่ยังคงพัวพันกันและกันเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองคนเดินถอยไปเรื่อยๆจนถึงโซฟาตัวใหญ่ในห้องรับแขก เซนสะดุดพรมจนหงายหลังลงไปนั่งบนโซฟานุ่มตอนไหนก็ไม่อาจรู้ตัว เพราะตอนนี้เขากำลังเพ่งสมาธิอยู่กับการปลดกระดุมเสื้อเนื้อดีของคนที่นั่งซ้อนอยู่บนตัก ทางแฮร์รี่เองก็ดูเหมือนจะไม่ปล่อยให้เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาปลดเข็มขัดของคนหน้าเข้มอย่างรีบร้อน



“ความจริง...ผมทำมื้อเย็นเอาไว้...” อยู่ๆแฮร์รี่ก็ผละออกมามองใบหน้าหล่อเหลาของคนที่เขากำลังนั่งซ้อนตัก เซนหอบหายใจมองใบหน้าที่ขึ้นสีจัดของคนที่นั่งทับตักเขาอยู่ เสื้อของแฮร์รี่ถูกถอดจนมากองอยู่ที่ข้อพับแขน แผ่นอกขาวๆสะท้อนขึ้นลงอย่างรุนแรงจากการถูกช่วงชิงหายใจด้วยจูบ เซนสาบานได้เลยว่านั่นเป็นภาพที่น่ามองที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา...



“ไปทานมื้อเย็นกันก่อนก็ได้...เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่คนหน้าคมก็ยื่นหน้าเข้าไปเลาะเล็มริมฝีปากของแฮร์รี่ไม่ยอมหยุด เขาประทับริมฝีปากไปทั่วใบหน้าขาว...ไม่เว้นแม้แต่ปลายคาง มือหนาลูบไล้อยู่ที่แผ่นหลังเรื่อยมายังสะโพกกลมกลึงภายใต้กางเกงผ้าเนื้อดี



ที่บ้านผมมีเครื่องอุ่นอาหาร....



เซนผละมามองหน้าคนพูด แฮร์รี่เม้มปากจนเป็นเส้นตรงแต่ถึงอย่างนั้นมุมปากก็กดยิ้มจนเห็นลักยิ้มที่แก้ม เซนหัวเราะเบาเบาก่อนจะประกบจูบริมฝีปากคนตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง



...



..



.



“งั้น...ไว้ดินเนอร์กันทีหลังคงไม่เป็นไรเนอะ”




เย็นวันนั้น...กว่าทั้งสองจะได้ลงมือทานมื้อเย็นกันแบบจริงจังก็ตอนที่เวลาล่วงเข้าไปถึงห้าทุ่ม เสต็กเนื้อแกะยังคงรสชาตินุ่มลิ้นแม้จะผ่านการเข้าเครื่องอุ่นอาหาร รวมไปถึงไวน์ชั้นเยี่ยมที่นอนแช่อยู่ในถังที่น้ำแข็งละลายจนหมด แฮร์รี่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวเดียวที่ติดกระดุมไม่ครบแถมเสื้อยังเป็นของอีกคน เซนยืนอยู่ตรงระหว่างเรียวขาขาวของแฮร์รี่ในสภาพเปลือยท่อนบน เขาสวมเพียงกางเกงแสลคที่สวมมาในตอนแรก...ดวงตาสีน้ำตาลทองกำลังจ้องใบหน้าของคนที่กำลังเคี้ยวแครอทต้มจนแก้มตุ่ย เสียงหัวเราะดังคละเคล้าไปกับเสียงพูดเจื้อยแจ้วของแฮร์รี่ที่กำลังเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน



เซนกดริมฝีปากลงกับหัวไหล่ขาวที่โผล่พ้นคอเสื้อเชิ้ตของเขาซึ่งทางนั้นยึดไปสวม ก่อนจะค่อยๆเลื่อนริมฝีปากมายังข้างขมับของคนที่กำลังเกี่ยวขารอบเอวของเขาอยู่ มือแกร่งเอื้อมไปเขี่ยปอยผมของแฮร์รี่ไปทัดไว้หลังใบหูขาวที่กำลังซับสีเลือดจางๆเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปกดจูบข้างหูของอีกฝ่าย ก่อนจะผละกลับมาจ้องดวงตาสีมรกตที่จ้องตอบ



“เฮ้ออออออ คิดไว้แล้วว่าเวลาแค่อาทิตย์เดียวคงไม่พอแน่ๆ...” เซนบ่นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หกเดือนที่ไม่ได้เจอกัน แต่เขากลับมีเวลาว่างเพียงแค่อาทิตย์เดียวให้ใช้ เขาอยากจะมีเวลาว่างซักปีเลยด้วยซ้ำ...



“หน้าที่ก็ต้องเป็นหน้าที่...เราสไกป์กันเหมือนทุกครั้งก็ได้นี่”



“ผมล่ะอยากจะลาออกจากตำแหน่งชีคจริงๆ” เซนบ่นอุบ หลังจากส่งแฮร์รี่กลับอังกฤษเขาเริ่มทำหน้าที่ชีค(ที่เขาสมควรจะทำตั้งนานแล้ว)อย่างจริงจังไปพร้อมๆกับการเป็นพ่อค้าตลาดมืด สิ่งแรกคือเขารวมบรรดาเบดูอินจนเป็นปึกแผ่น ตั้งกฎระเบียบเพื่อควบคุมไม้ให้มีการวิวาทระหว่างกลุ่มเกิดขึ้น จากนั้นก็ขยายพื้นที่โอเอซิสให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเก่า มีการสนับสนุนการทำเกษตรกรรมเพื่อลดปัญหาการปล้นสะดมและเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จนกลายเป็นมาเมืองขนาดย่อมๆที่ยังคงวิถีชีวิตแบบเบดูอินคือทุกคนยังอาศัยอยู่ในกระโจมและเดินทางด้วยม้า ซึ่งทุกอย่างก็ราบลื่นดีและเขาหวังให้มันราบลื่นเช่นนี้ไปนานเท่านาน(เขาจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวคอยตัดสินคดีความระหว่างเผ่าอีก)



“พวกเขาต้องการคุณ...คุณกำลังเริ่มสิ่งใหม่ๆให้พวกเขา ถ้าคุณเลิกตอนนี้ต้องมีปัญหาตามมาอีกมากมายแน่นอน”



“ผมรู้...ผมรู้...แต่จะให้ทำไงได้ ผมขอร้องให้คุณไปอยู่ด้วยคุณก็ไม่ไป ผมเลยต้องโหมงานหนักเพื่อเวลาว่างเพียงแค่หนึ่งอาทิตย์ให้ได้มาหาคุณที่นี่...”



“จะให้ผมไปอยู่ด้วยยังเร็วไป...” แฮร์รี่กรีดนิ้วไปตามแผ่นอกสีน้ำผึ้ง ก่อนจะขยับเรียวขาเกี่ยวเอวอีกฝ่ายให้ใกล้เข้ามาอีก ฟันขาวขบลงกับริมฝีปากพลางช้อนสายตามองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า...ดวงตาสีเขียวฉายแววซุกซนจนคนมองอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้



“นี่คุณสไตลส์ครับ...ยั่วกันแบบนี้อยากจะใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์อยู่แต่ในห้องใช่ไหม?”



“อย่าทำเป็นได้ใจไปท่านชีค...เราสัญญากันแค่ของรางวัลหนึ่งอย่างและคุณก็ได้ไปแล้วด้วย...”



“ก็ใช่ผมได้ของรางวัลไปแล้ว...แต่หลังจากนี้ผมจะปล้นมาต่างหาก” เซนว่าพร้อมรอยยิ้มหล่อเหลา ก่อนจะช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นมา แฮร์รี่เกี่ยวขารอบเอวสอบของอีกฝ่ายแทบไม่ทัน ดีที่สองแขนแกร่งโอบรอบสะโพกเขาเอาไว้ไม่อย่างนั้นเขาคงร่วงลงไปกระแทกพื้นให้ได้แผล



“ฮะฮะ...” เสียงหัวเราะดังแว่ว ถึงแม้ว่าเวลาเกือบจะเขาสู่วันใหม่อยู่ไม่กี่นาทีข้างหน้าแล้ว แต่คงไม่มีใครรู้ว่าภายในอาคารหลังเล็กๆนี่คนสองคนกำลังวิ่งไล่จับกันเป็นเด็กๆ ถึงหนึ่งในนั้นจะเป็นถึงผู้นำแสนสุขุมยามอยู่หน้าคนใต้ปกครองก็ตาม สองแขนแกร่งรวบเอาเอวของคนที่วิ่งหนีเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแล้วแกล้งอีกฝ่ายด้วยการใช้ใบหน้าครึ้มไรหนวดฝังลงกับซอกคนขาวๆ จนคนถูกแกล้งหวีดลั่นตามด้วยเสียงหัวเราะ



เสียงนั้นคงดังไปอีกค่อนคืนกว่ามันจะสงบลง...เจ้าของบ้านกำลังคิดว่าพรุ่งนี้เช้าเขาอาจจะต้องเขียนป้ายเตือนแปะเอาไว้หน้าบ้าน...



...



..


.



‘Watch out! This house has a THIEF and his WHACKED SHEIKH’



.
END









-TALK-

สวัสดีปีใหม่ค่ะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ!! ถึงจะเลทมาหลายวันแต่ก็อยากสวัสดี

ฟิคเรื่องนี้จริงๆจะส่งประกวดค่ะ...แต่เพราะว่าการประกวดยกเลิกไปเลยคิดว่าจะเอามาให้อ่านกันดีกว่า ดีกว่าปล่อยมันไปเฉยๆ (ตอนจะส่งประกวดก็ตั้งใจจะให้อ่านกันนั่นแหละ ผลพลอยได้คือได้ประกวดด้วย)

เรื่องนี้มีพล็อตมานานแล้วแต่ไม่ได้หยิบมาเขียนต่อ พอดีว่าธีมประกวดตรงเลยคิดว่าจะส่งเรื่องนี้แหละ ต้องขอบคุณการประกวดที่แม้จะยกเลิกไปแล้วแต่ก็ทำให้เราได้ต่งจนจบ 

ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่จาดกเราแล้วกันนะ...เพราะเราไม่มีอะไรจะให้...หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ เราตั้งใจมากจริงๆ ใครที่อ่านแล้วคุยกับเราได้ที่แท็ก #สุดผืนทรายปลายขอบฟ้า ค่ะ

*เผื่อคนนึกภาพไม่ออก...

นี่บ้านแฮร์รี่ค่ะ http://i.imgur.com/hXmcnd6.jpg

ส่วนนี่ท่านั่งในครัว =,.= http://i.imgur.com/McWUETF.jpg







มาถึงตรงนี้คงต้องเข้าประเด็นหลักที่สำคัญๆแล้ว...นั่นคือ...


Special Thank! ขอบคุณบุคคลเหล่านี้ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตในปี2015นะคะ


@_MomoMomiji_ เพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด7ปี ปีนี้เข้าปีที่8แล้ว ขอบคุณมากๆที่ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน คอยช่วยเวลาเราลำบาก คอยช่วยคิดพล็อตคิดฟิค นี่รู้ตัวว่าบางครั้งพูดอะไรไม่เข้าหูไปบ้างแต่แกก็ไม่เคยโกรธ...ขอบคุณจริงๆ ปีนี้เราจะมาร่วมติ่งไปด้วยกันอีกนะ

น้องแหม่ม @MAMNCHICHA ที่น้องให้บัตรพี่ไปดูคอนเสิร์ต1Dด้วยกันตอนต้นปี ขอบคุณมากๆ ขอบคุณความติ่งที่ทำให้เราได้เจอกัน ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เพราะพี่ก็ยุ่งแหม่มก็ยุ่ง แต่อยากให้น้องแหม่มรู้ว่าพี่คิดถึงเราตลอดนะ เป็นมิตรภาพดีดีที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ รักกกกกกกกส์


บอทฟิค #เสือเซน ทุกๆคน ตั้งแต่พี่เสือ นังรี่ พี่ลู คุณปลัด จ่าไนล์ เสี่ยจัส เจ้าวาน จ่าลุก ไอ้แอ๊ด ไอ้ล่ำ นังหมาย แม่เจย์ นังน้องเพอร์(ลืมนางต้องตัวใหญ่ๆ) น้องลูกบ้าน บอทโนเนม น้องญาญ่า น้องๆเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตของพี่ในปี2015ที่ผ่านมา ทำให้พี่มีกำลังใจในการแต่งฟิคมากขึ้น น้องๆมีส่วนทำให้ฟิคเรื่องนี้เป็นที่รู้จักและจบบริบูรณ์....ขอบคุณมากๆจริงๆ สุดท้ายนี้อยากบอกเหล่าบอททั้งหลายว่า.... "บอทเล่นใหญ่มาก" 555555555555+


แฟนๆเสือเซนทุกคน ขอบคุณมากๆสำหรับกำลังใจ สำหรับคอมฟีดแบ็คที่มีให้ตลอดมา ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านฟิคง่อยๆอย่างเสือเซน เราไม่รู้จะพูดยังไงแต่ทุกๆคนคือผู้มีพระคุณของเรา มีหลายๆคนที่เราเห็นบ่อยๆ แต่เราอาจจะไม่ค่อยได้คุยกัน...เราเป็นคนประเภทที่เอาแต่รอคนเข้ามาสานความสัมพันธ์ จะไม่ค่อยเริ่มไปสานสัมพันธ์กับใครก่อน ช่วยอดทนกับเราหน่อยนะ...เราไม่ได้หยิ่ง แต่ถึงจุดหนึ่งถ้าเราคิดว่าเราเข้ากันได้ เราจะตามฟอลแน่นอนค่ะ ขอบคุณมากๆที่ยังตามอ่านฟิคเราทุกเรื่อง ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ อยากจะคัดคำว่าขอบคุณซักร้อยจบให้พวกคุณเลยค่ะ...


ขอบคุณฟิคตัวเองจะเป็นอะไรไหมเนี่ย? 555555555+ เพราะฟิคเรื่องนี้ทำให้เราได้เพื่อนใหม่เยอะมาก....ทั้งเค้ก ต้าร์ มะปราง น้องพลอย แพน น้องปาย(นักวาดคู่แฟนด้อม) ขอบคุณมากๆที่ตามอ่านตลอด พี่รักพวกเรามากนะ แต่ไม่ค่อยพูดเท่านั้นเอง...


ขอบคุณ1D ขอบคุณความติ่ง ที่ได้ทำให้รู้จักนาว เหมียว เมย์ เรย์ น้องเบลล์ ขอบคุณความทาสแมวที่ทำให้ได้เจอ มิ้งค์ เรย์ เค้ก ต้าร์ แพนครั้งแรก....แมวที่บ้านยังอยู่ดี พี่เป้าน้ำหนักขึ้น1กิโล(ถ้าอยากรู้)


ขอบคุณทวิตเตอร์ที่ทำให้รู้จักกุ้งกุสุมา ไอดอลของเค้า ขอบคุณที่ทำให้เจอเพื่อนฝ่งบิทช์ที่แม้จะยังไม่เคยเจอหน้ากันแต่ก็คุยกันราวสนิทมาสิบปี รักพวกหล่อนนะ

ขอบคุณความติ่งนายแบบที่ทำให้เจอน้องบาส...ขอบคุณที่เราไปติ่งน้องดอมด้วยกัน มิตรภาพเราเริ่มได้เร็วมาก แต่พี่ดีใจมากที่มันเป็นอย่างนั้น ไว้ไปกินส้มตำด้วยกันอีก


สุดท้ายนี้ขอบคุณ ฟลว.ทุกๆคนที่ไม่สามารถเอ่ยชื่อได้หมด เพราะเยอะเกิ๊น 55555555+ ขอบคุณที่ทนคนปากเสียแบบเราได้ ขอบคุณที่ยังติดตามเราแม้เราจะทำรกTLมากแค่ไหน ถึงเราจะปากเสียชอบดราม่าแต่ก็ขอบคุณที่ยังทนกันได้ แม้ว่าทุกคนจะตามฟอลเราเพราะผู้ชายเราก็ดีใจนะ สัญญาว่าจะลงรูปแซ่บๆต่อไปขอบคุณมากๆที่เข้ามาคุยเล่น ทักมาถามนายแบบ เรายังยืนยันว่าเรายินดีจะตอบทุกคน แต่ถ้าเราไม่ตอบโปรดรู้เอาไว้ว่าไม่ใช่เราไม่อยากตอบ แต่เราไม่เห็นค่ะ...บางคนกว่าจะเห็นเมนชั่นก็ผ่านไปเป็นวันๆแล้ว การแจ้งเตือนเราเยอะจริงๆ....


ขอบคุณมากๆค่ะ อยู่ด้วยกัน ทนกันแบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะ....
รัก.


D.